แห่ขอเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจทะลักเกิน 4 แสนล้านบาท

08 มิ.ย. 2563 | 07:12 น.

แห่ขอเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจทะลักเกิน 4 แสนล้านบาท กว่า 2.83 โครงการ สภาพัฒน์ให้เวลา 1 สัปดาห์ฟังความเห็นจากประชาชนเลือกโครงการที่ใช่ เหมาะสมกับพื้นที่

สำนักงานสภาการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)หรือ สภาพัฒน์ เปิดให้หน่วยงานในระดับพื้นที่ทุกภาคส่วน ส่วนราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชนวิสาหกิจชุมชน เสนอแผนงานหรือโครงการตาม แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4แสนล้านบาท ประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่ 1.ลงทุนกิจกรรมพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  2.ฟื้นฟูเศรษฐกิจและชุมชนฐานราก  3. การส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน  และ 4 .สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและยกจึงระดับโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนกระบวนการผลิต

นายทศพร  เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์ )แถลงถึงความคืบหน้าของโครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ในวงเงิน 4แสนล้านบาท ว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 มีโครงการนำเสนอเข้ามารวม 28,331 โครงการ มูลค่า 372,532 ล้านบาทแบ่งเป็น จังหวัด 55 จังหวัด เสนอ 28,196 โครการ วงเงินรวม 203,643.48 ล้านบาท และส่วนราชการ 13 กระทรวง 4 หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี 115 โครงการ มูลค่า 168,889.17 ล้านบาท

แห่ขอเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจทะลักเกิน 4 แสนล้านบาท

สำหรับจังหวัดที่เสนอเข้ามาทั้งหมด 55จังหวัด นั้น จะมีการจัดสรรงบประมาณผ่านช่องทางระดับจังหวัด รวม 4,185โครงการ มูลค่า 53,779.91 ล้านบาท  องค์กรบริหารส่วนจัหวัด 823 โครงการ มูลค่ารวม 16,559.77ล้านบาท เทศบาล/อบต. รวม 20,407 โครงการ มูลค่ารวม 79,141.83ล้านบาท และส่วนราชการที่เสนอผ่านจังหวัด 2,781โครงการ มูลค่ารวม  54,161.91 ล้านบาท

"สภาพัฒน์ เชิญชวนให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นในล็อตแรก เป็นเวลา 1 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 8-15 มิย.2563 ว่าโครงการไหนที่เหมาะสมกับพื้นที่ หรือ โครงการไหนที่ต้องระวัง จากนั้นจะนำสรุปความคิดเห็นเพื่อจัดทำรายละเอียดต่อ คณะกรรมการกลั่นกรอง อีก 3 คณะเพื่อวิเคราะห์และกลั่นกรองโครงการที่จำเป็น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในต้นเดือนก.ค.นี้เป็นล็อตแรกก่อน”

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปทบทวนโครงการที่เหลือและนำเสนอกลับมาใหม่  ซึ่ง คณะกรรมการกลั่นกรองจะคัดเลือกโครงการที่ผ่านกระบวรการรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้วเพื่อเสนอครม.เป็นลอตที่สองต้นเดือนสิงหาคม 2563  จากนั้นเมื่อครม.เห็นชอบโครงการแล้วต้องใช้เงินงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2564 หรืออย่างช้าภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2564