“ส.อ.ท.” ผนึก “แบงก์รัฐ” ดันภาคอุตสาหกรรมฝ่า "โควิด"

05 มิ.ย. 2563 | 11:00 น.

“ส.อ.ท.” ผนึก “แบงก์รัฐ” ดันภาคอุตสาหกรรมฝ่าโควิด ผ่านโครงการ “Advisory Clinic @ F.T.I. Connect” เปิดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินเสริมสภาพคล่อง

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ “ส.อ.ท.” ร่วมมือกับสถาบันการเงิน  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ “ธพว.” (SME D BANK), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ “ธสน.” (EXIM BANK) ,ธนาคารออมสิน (GSB) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ “บสย.” นำเสนอผลิตภัณฑ์และข้อเสนอสุดพิเศษจากธนาคารไปสู่ภาคอุตสาหกรรม  เพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการไปได้ ภายใต้โครงการ “Advisory Clinic @ F.T.I. Connect”    

                นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำปรึกษาด้านการเงิน และส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหมุนเวียนและสินเชื่อ ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับสมาชิกและสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและมีการรักษาการจ้างงานอย่างต่อเนื่องในช่วงการแพร่ระบาดของ "โควิด-19" (Covid-19) โดยมีคณะอนุกรรมการมาตรการการเงินและภาษี เป็นกลไกหลักในการผลักดันนโยบายทางด้านการเงิน และสื่อสารให้ผู้ประกอบทราบถึงมาตรการความช่วยเหลือจากภาครัฐ และสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ยังมีบทบาท ในการรวบรวมปัญหาของสมาชิกในการเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อนำเสนอปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

“ส.อ.ท.” ผนึก “แบงก์รัฐ” ดันภาคอุตสาหกรรมฝ่า "โควิด"

                ทั้งนี้  คณะอนุกรรมการสนับสนุนสมาชิก จะเป็นกลไกเชื่อมโยงระหว่างสภาอุตสาหกรรมฯ และสมาชิก รวมถึงนำเสนอบริการต่างๆ และตอบข้อซักถามของสมาชิกผ่านระบบ Call Center สภาอุตสาหกรรมฯ ตระหนักถึงความเดือนร้อนของ "เอสเอ็มอี" (SMEs) และต้องการช่วยเหลือสมาชิกเพื่อลดเวลาในการยื่นขอสินเชื่อให้สั้นลง ผ่านกลไกการทำงานของ “โครงการ FAST TRACK” ซึ่งดูแลโดยสถาบัน SMI ของสภาอุตสาหกรรมฯ โดยเสนอให้ SMEs ทำการประเมิน Credit Score กับทางเครดิตบูโร และยื่นขอหนังสือค้ำประกันกับ บสย. ก่อน เพื่อนำไปใช้ประกอบการขอสินเชื่อกับทางสถาบันการเงินต่างๆ เมื่อสถาบันการเงินอนุมัติคำขอสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงินนั้นๆ แล้ว สถาบันการเงินจะแจ้งความประสงค์กลับมายัง บสย. เพื่อขอออกหนังสือค้ำประกันต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ หากได้ปรึกษากับสถาบันและพร้อมยื่นกู้แล้ว สามารถติดต่อมาทางสถาบัน SMI ของสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อจะได้ช่วยติดตามเรื่องต่อกับสถาบันการเงินต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่า สถาบันการเงินจะพิจารณาเรื่องของท่านตามหลักเกณฑ์ของแต่ละสถาบันฯ ด้วยระยะเวลาที่สั้นลง ปัจจุบันสภาอุตสาหกรรมฯ ได้เจรจาและเริ่มดำเนินโครงการ FAST TRACK กับ SME D BANK และ บสย. แล้ว ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการยื่นกู้เหลือประมาณ 15 วัน

                “หลังจากสถานการณ์โควิด-19 จบลง สภาอุตสาหกรรมฯ จะช่วยฟื้นฟูผู้ประกอบการ โดยถึงเวลาที่ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องมีการปรับเปลี่ยน (Transform) ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) และส่งเสริม Made in Thailand พร้อมทั้งพัฒนาห่วงโซ่การผลิตเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ทั้งนี้ โครงการ Advisory Clinic @F.T.I. Connect จะเปิดให้บริการทุกวันศุกร์ของเดือนมิถุนายนนี้ และจะสัญจรไปยังภูมิภาคต่างๆ หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย”

“ส.อ.ท.” ผนึก “แบงก์รัฐ” ดันภาคอุตสาหกรรมฝ่า "โควิด"

บสย. มอบสิทธิประโยชน์ ลดต้นทุนธุรกิจ

                ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคสวิด-19 ธุรกิจสะดุด ขาดเงินทุนหมุนเวียน มีความต้องการสินเชื่อและการค้ำประกัน สินเชื่อสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมั่นใจว่าโครงการ “Advisory Clinic@ F.T. Connect” จะช่วยบรรเทาผลกระทบช่วยให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น

บสย. ได้ส่งทีมหมอหนี้ บสย. ที่มีความเชี่ยวชาญร่วมให้คําปรึกษาทางการเงิน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อ พร้อมนําผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อสําหรับผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีค่า (PGS8) วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 1.5 แสนล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 100 ล้านบาท โครงการ Star-up & Innobiz และโครงการค้ำประกันสินเชื่อสําหรับผู้ประกอบการรายย่อยสร้างอาชีพ (MICRO3)

SME D Bank เติมทุนสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ SMEs

                นายกันตพนธ์ แก้วมณี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า ธพว. ดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเดินหน้าเติมทุนสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ เพื่อให้เอสเอ็มอีทุกกลุ่มธุรกิจทั่วประเทศมีเงินทุนไปเสริมสภาพคล่อง สำรองเป็นค่าใช้จ่ายและฟื้นฟูธุรกิจให้กลับคืนมาได้ดีอีกครั้ง ประกอบด้วย สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash สำหรับผู้ประกอบการนิติบุคคลธุรกิจการท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจทัวร์ ธุรกิจสปา ธุรกิจขนส่งที่เกี่ยวเนื่อง (รถทัวร์ รถบัส รถตู้ รถแท็กซี่ เรือนำเที่ยว รถเช่า) บริษัทนำเที่ยว โรงแรม ห้องพัก และร้านอาหาร วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก 3% ต่อปี และไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปี 3 ปีแรก และสินเชื่อ soft loan ธปท. อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี อีกทั้ง ยังมีสินเชื่อวัตถุประสงค์เพื่อลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ ได้แก่ สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง SME D Happy อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.375% ต่อปี และสินเชื่อ SMART SMEs  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5% ต่อปี แถมยังรับรีไฟแนนซ์

EXIM BANK สินเชื่อพิเศษ เงื่อนไขผ่อนปรน

                นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK เข้าร่วมโครงการความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อใช้ความเชี่ยวชาญของ EXIM BANK สนับสนุนด้านเงินทุน เครือข่ายธุรกิจ และข้อมูลความรู้ให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถดำเนินกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและการลงทุนได้อย่างประสบความสำเร็จแม้ในภาวะวิกฤตจากผลกระทบของโควิด-19 ทั้งนี้ รวมถึงโปรแกรมสินเชื่อพิเศษในอัตราดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขผ่อนปรน และคลินิกให้คำปรึกษาด้านการส่งออกทางโทรศัพท์ 0-2617-2111 ต่อ 3510-2

“ส.อ.ท.” ผนึก “แบงก์รัฐ” ดันภาคอุตสาหกรรมฝ่า "โควิด"

ธนาคารออมสิน สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan)

                นายพินิจ แดนมณี ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ของธนาคารออมสิน เป็นสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 สําหรับเสริมสภาพคล่อง ท่านผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจสามารถติดต่อธนาคารสาขาและศูนย์สินเชื่อธุรกิจลูกค้า SMEs ทั้ง 82 ศูนย์ ทั่วประเทศภายในเดือนธันวาคม 2563

                “Advisory Clinic @ F.T.I. Connect เปิดให้คำปรึกษาด้านงบการเงินเชิงลึกแบบตัวต่อตัวจากผู้เชี่ยวชาญและพร้อมยื่นกู้ (ฟรี) ให้แก่ผู้ประกอบการได้มีโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมให้บริการทุกวันศุกร์ เวลา 13.30 - 17.00 น. ณ สภาอุตสาหกรรมฯ ตลอดเดือนมิถุนายน 2563 สำหรับผู้ที่สนใจ สมัครและสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ Call Center 02-345-1000, 02-345-1120, 02-345-1132 หรือแอดไลน์สภาอุตสาหกรรม @ftithailand”