“แม่น้ำสีเลือด” มหันตภัยน้ำมันรั่วในไซบีเรีย

05 มิ.ย. 2563 | 07:41 น.

ข่าวร้ายรับวันสิ่งแวดล้อมโลก (5 มิ.ย.) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น บังคับใช้ในเมืองโนริลสก์ ซึ่งอยู่ในภูมิภาคครัสโนยาสค์ ทางตอนเหนือของประเทศ หลังเกิดการรั่วไหลของน้ำมันดีเซลในพื้นที่ดังกล่าวและแผ่ขยายเป็นวงกว้างในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ จนน้ำเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดงชัดเจนและกำลังมุ่งหน้าไหลลงสู่มหาสมุทร

“แม่น้ำสีเลือด” มหันตภัยน้ำมันรั่วในไซบีเรีย

ทั้งนี้ มีรายงานตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) ว่าเกิดเหตุน้ำมันดีเซลมากกว่า 20,000 ตันรั่วไหลในเขตอุตสาหกรรมโดยต้นทางมาจากโรงไฟฟ้าของโรงงานซึ่งเป็นธุรกิจในเครือบริษัท นอร์นิกเกิล ( Nornickel) ผู้ประกอบการเหมืองแร่และโลหะรายใหญ่ของรัสเซีย ตั้งอยู่ในเมืองโนริลสก์ และส่งผลให้เกิดมลภาวะในแม่น้ำสายต่างๆ ในท้องถิ่น

“แม่น้ำสีเลือด” มหันตภัยน้ำมันรั่วในไซบีเรีย

ข่าวระบุว่าในระหว่างการประชุมออนไลน์เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำจัดน้ำมันที่รั่วไหลดังกล่าว ผู้นำรัสเซียได้สอบถามนายเยฟเจนี ซินิเชฟ รัฐมนตรีฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย เกี่ยวกับแนวทางในการรับมือกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ นายซินิเชฟให้คำตอบว่า จากการประเมินขอบข่ายความเสียหายแล้ว “จำเป็นอย่างยิ่ง” ที่รัฐบาลกลางจะต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการรั่วไหลของน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของรัสเซีย  น้ำมันดีเซลจากเขตอุตสาหกรรมได้ไหลลงสู่แม่น้ำอัมบาร์นายา และทำให้น้ำเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดงฉาน ซึ่งเมื่อมองจากทางอากาศ น้ำมันดีเซลที่ปนเปื้อนลงในแม่น้ำได้แผ่กระจายออกไปและเคลื่อนตัวตามกระแสน้ำไปเป็นระยะทางไกลจากโรงงานมากกว่า 7 ไมล์ หรือกว่า 11.2 กิโลเมตร

“แม่น้ำสีเลือด” มหันตภัยน้ำมันรั่วในไซบีเรีย

 บริษัท นอร์นิกเกิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำขาวและนิกเกิลรายใหญที่สุดในโลก แถลงบนเว็บไซต์ของบริษัทว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ มาจากความร้อนใต้ภาวะชั้นดินเยือกแข็ง(Permafrost) ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวภายใต้ถังกักเก็บเชื้อเพลิง ทำให้ถังทรุดตัว และน้ำมันก็รั่วไหลออกมา

 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 พ.ค.) หน่วยงานท้องถิ่นของคณะกรรมการการตรวจสอบของรัสเซียได้เปิดการพิจารณาคดีอาญาเพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการจัดเก็บเชื้อเพลิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดมลภาวะ และความเสียหายอื่นๆ ต่อสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากสารเคมีที่มีอันตรายร้ายแรง นายวยาเชสลาฟ สตาโรสติน ผู้จัดการโรงงานได้ถูกทางการควบคุมตัวไว้

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน

ข่าวระบุว่า นายปูติน ผู้นำรัสเซียไม่พอใจอย่างมากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น 2 วันแล้ว เขาจึงได้รับแจ้งเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นมหันตภัยที่จัดเข้าขั้นสถานการณ์ฉุกเฉิน “เราต้องรู้เรื่องวิกฤติฉุกเฉินนี้จากโซเชียลมีเดียใช่มั้ย”  

 

หลังจากที่ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว ผู้นำรัสเซียยังได้สั่งการให้นายซินิเชฟ จัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการรั่วไหลของน้ำมันดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมกับสั่งการให้หน่วยงานด้านกฎหมายทำการประเมินการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้

 

ภาพจากสื่อรัสเซียและสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นแม่น้ำอัมบาร์นายา ใกล้กับเมืองโนริลสค์ ในเขตไซบีเรียซึ่งเป็นภูมิภาคอาร์คติกของรัสเซีย กลายเป็นสีแดงฉานไหลเป็นทางยาวสุดลูกหูลูกตา ผู้เชี่ยวชาญประเมินเบื้องต้นว่าค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดน่าจะไม่ต่ำกว่า 76 ล้านดอลลาร์ (เกือบ ๆ 2,400 ล้านบาท ) ยังไม่รวมความเสียหายต่อดินและบรรยากาศ นอกจากนี้ ยังหวั่นเกรงว่า น้ำมันที่รั่วลงปนเปื้อนในแหล่งน้ำอาจแผ่ลามไปยังแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติ “เกรต อาร์คติก” ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติใหญ่ที่สุดทั้งของรัสเซียและภูมิภาคยูเรเซีย และอาจทำลายประชากรปลาจำนวนมหาศาล

นายวาสิลี ยาโบลคอฟ ผู้ประสานงานโครงการพลังงานและภูมิอากาศของกรีนพีซ กล่าวว่า กว่าจะถึงระดับเยียวยาที่ยอมรับได้ อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี ขนาดของน้ำมันรั่วครั้งนี้ ถูกเปรียบกับพิบัติภัยแบบเดียวกันคราวที่เรือบรรทุกน้ำมัน “เอ็กซอน วาลเดซ” ปล่อยน้ำมันดิบ 10.8 ล้านแกลลอนลงทะเลใกล้อลาสกาในปี 2532

ข้อมูลอ้างอิง

Russia Declares Emergency After Arctic Oil Spill

Arctic fuel spill prompts Russia’s Putin to declare emergency and slam slow response