“จีน”ตั้งเป้าปีนี้ประชากรพ้นความยากจน

การแก้ปัญหาความยากจนนับเป็นความท้าทายของผู้นำในหลายประเทศที่ต้องการจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป รวมถึงชาติมหาอำนาจอย่างจีนเองก็เช่นเดียวกันที่ต้องการแก้ปัญหานี้ ล่าสุดในรายงานการดำเนินงานของรัฐบาลที่ยื่นให้สภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 พิจารณาระบุไว้ว่า ในปี 2020 (พ.ศ.2563) นี้ จีนจะทำให้ประชากรพ้นจากภาวะยากจนได้ทั้งหมด

พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการปรับปรุงรายงานการดำเนินงานของรัฐบาลจีนจากข้อคิดเห็นและข้อเสนอของสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1.สำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (State Council Information Office) จัดการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ค.63 โดยนายซุน กั๋วจุน สมาชิกกลุ่มร่างรายงานการดำเนินงานของรัฐบาลจีน และสมาชิกกลุ่มพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำสำนักงานวิจัยแห่งคณะรัฐมนตรีจีน ได้กล่าวถึง การปรับปรุงรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลจีนถึง 89 แห่ง จากข้อคิดเห็นและข้อเสนอของสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติว่า 

1.1ข้อคิดเห็นและข้อเสนอจำนวน 2 ใน 3 ส่วนของทั้งหมด เป็นการปรับปรุงเนื้อหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อการคุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การป้องกันและควบคุมโควิด-19 การลงทุนและอุปโภคบริโภค ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ตลอดจน การผลิตด้านการเกษตร เป็นต้น

1.2 โดยเฉพาะในส่วนที่ 8 ของรายงานฯ ซึ่งว่าด้วยการคุ้มครองและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นมีการแก้ไขถึง 31 แห่ง อาทิ

(1) ด้านระบบสาธารณสุข ได้มีการเพิ่มเติม “ส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพป้องกันและควบคุมโรคระบาด”

(2) ด้านบริการการแพทย์พื้นฐาน ได้เพิ่มเติม “ส่งเสริมการปฏิรูปอย่างอเนกประสงค์ของโรงพยาบาลรัฐ”

(3) ด้านการศึกษา ได้เพิ่มเติม “ปรับปรุงนโยบายการศึกษาภาคบังคับสำหรับลูกหลานผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน” รวมทั้ง “พัฒนาการศึกษาปฐมวัยแบบอำนวยประโยชน์ทั่วไป” และ “พัฒนาอาชีวศึกษา”

(4) ด้านการคุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐาน ได้เพิ่ม “ปรับปรุงระบบสังคมสงเคราะห์”

(5) ด้านการบริหารสังคม ได้เพิ่ม “ส่งเสริมการบริหารในชนบท” รวมไปถึง “คลี่คลายความขัดแย้งและข้อพิพาทอย่างสุขุมรอบคอบ”

(6) ด้านการขจัดความยากจนและการเกษตร ได้เพิ่ม “การลงทุนเพื่อขจัดความยากจน” และ “ส่งเสริมการอบรมทักษะอาชีพแก่เกษตรกร” เป็นต้น

(7) ด้านการขยายความต้องการภายในประเทศ ได้เพิ่ม “ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แก้ไขปัญหาที่จอดรถ” รวมทั้ง “พัฒนาการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน” และ “ผลักดันการคัดแยกขยะ” เป็นต้น

2. ข้อสังเกต ต่อรายงานการดำเนินงานของรัฐบาลดังกล่าว ซึ่งได้ยื่นต่อสภาประชาชนแห่งชาติจีน ชุดที่ 13ครั้งที่ 3 ประจำปี 2020 (พ.ศ.2563) ซึ่งได้เริ่มต้นกระบวนการพิจารณาและอภิปราย ในระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค.2563 ที่ผ่านมานั้น นายจ้าว หวั่นผิง (Zhao Wanping) สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการ สถาบันวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตร มณฑลอันฮุย ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า แม้จำนวนตัวอักษรของรายงานการดำเนินงานปีนี้จะน้อยกว่าปีก่อน แต่มีเนื้อหาสำคัญมาก โดยเฉพาะมาตรการการประกันคุณภาพชีวิตของประชาชนและการสนับสนุนวิสาหกิจเอกชน รวมถึงด้านอื่นๆ ก็มีความละเอียดรอบคอบอย่างมาก กล่าวคือ

2.1 การวางแผนเพื่อตอกย้ำผลงานการขจัดความยากจน โดยเน้นว่า ต้องเอาชนะสงครามขจัดความยากจนอย่างเด็ดขาด และวางแผนยกระดับการสนับสนุนอำเภอและตำบลยากจน  สำหรับแรงงานที่ต้องการหางานทำนอกถิ่นฐานต้องจัดให้มีงานทำในถิ่นฐาน  เดินหน้าใช้การบริโภคช่วยเหลือผู้ยากจน และสนับสนุนธุรกิจที่มีส่วนช่วยขจัดความยากจนให้ฟื้นการทำงาน

2.2 การนำโครงการใช้การบริโภคช่วยเหลือผู้ยากจน ที่มีลักษณะรับมือกับเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจัดอยู่ในโครงการสร้างความเจริญแก่ชนบท โดยประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ตลอดจนพัฒนาธุรกิจดังกล่าวให้เป็นธุรกิจที่ทำให้ประชาชนร่ำรวยอย่างถาวร

บทสรุป รายงานการดำเนินงานของรัฐบาลที่ยื่นให้สภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 พิจารณาในระหว่างวันที่ 22 – 28 พ.ค.63 นั้น ได้มุ่งเน้นว่า ปี 2020 (พ.ศ.2563) นี้ จีนจะทำให้ประชากรพ้นจากภาวะยากจนได้ทั้งหมด โดยเพิ่มกำลังการช่วยเหลือในอำเภอและหมู่บ้านที่ยังไม่พ้นจากภาวะยากจนให้มากยิ่งขึ้น และปฏิบัติการลดความยากจนด้วยการอุปโภคบริโภค การสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมลดความยากจน การเพิ่มการช่วยเหลือผู้อพยพจากพื้นที่ยากจนอย่างต่อเนื่อง และการผลักดันให้มาตรการลดความยากจนและพัฒนาชนบทประสานงานกันอย่างได้ผล เพื่อช่วยให้ผู้ที่ยากจนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง  โดยรัฐบาลจีนได้จัดเรื่องการประกันชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ยากจนเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ในการรับมือกับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-๑๙  รวมทั้งการให้หลักประกันแก่กลุ่มคนด้อยโอกาส และให้การประกันสังคมขั้นพื้นฐาน ตลอดจนการประกันการว่างงานให้ครอบคลุมประชากรได้มากขึ้น