ASPS หั่นกำไรบจ.ปีนี้เหลือ 64 บาท/หุ้น ดัชนี1200 จุด 

02 มิ.ย. 2563 | 07:48 น.

ASPS ชี้ 2 ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย " โควิด - สงครามการค้า"  คาดศก.ไทยปี ุ63 ติดลบ 5.7% โดยเฉพาะไตรมาส 2 หดมากสุด 11% ฉุดกำไรบจ.ทั้งปีเหลือ 6.88 แสนลบ.



นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยกดดันจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และ สงครามการค้าสหรัฐและจีนที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด ประกอบกับการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้ที่คาดว่าจะติดลบ 5.7% โดยไตรมาส 2/63 จะหดตัวมากที่สุดราว 11% จากนั้นไตรมาส 3/63 ดีขึ้นมาติดลบ 6% และไตรมาส 4/63 ติดลบ 4.5% และคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวขยาย 3.6%ในปี 64  ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ 6.7% และปี 64 โต 6.1%

ฝ่ายวิจัย ASPS ได้ปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 63 ล่าสุดเหลือ 6.88 แสนล้านบาท หรือ กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 64 บาท ลดลงจากปีก่อน 27.5% แต่ปี 64 จะกลับมาเติบโต 21% หรือ EPS อยู่ที่  77.4 บาท ทำให้ดัชนี SET ปีนี้จะเหลือไม่เกิน 1,200 จุด และปีหน้าเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 1,400 จุด

นายเทิดศักดิ์ กล่าวต่อมา เมื่อมองความเสี่ยงทางเศรษฐกิจกับตลาดหุ้นขณะนี้สวนทางกัน เพราะตลาดได้ pricing ปัจจัยลบแล้วและปรับตัวขึ้นมาโดยก้าวข้ามปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในไตรมาส 2 -ไตรมาส 3 ทำให้ P/E ของตลาดหุ้นไทยสูงถึง 21.2 เท่า และในปี 64 มอง P/E อยู่ที่ 17.5 เท่า ถือว่าปัจจุบันตลาดหุ้นไทยแพงที่สุดในภูมิภาค ส่วนตลาดสหรัฐมี P/E อยู่ที่ 24.3 เท่าแพงที่สุดในโลก

"เราคาดว่า ฟันด์โฟลว์ยังไม่น่าจะไหลกลับเข้ามาในระยะสั้น   Valuation สูง พฤติกรรมตลาดตอนนี้มองว่าเป็น trading ไม่ใช่"ซื้อลงทุน" ความผันผวนก็ยังมีมาก เพราะปัจจัยสำคัญทั้งเรื่อง โควิด และเทรดวอร์ ทั้ง 2 ปัจจัย กดดัน และคาดจะเห็นเศรษฐกิจไทยสู่จุดต่ำสุดในไตรมาส 2   ติดลบ 11% จากจำนวนคนว่างงาน นักท่องเที่ยวหายไป หุ้นขึ้นไปเพราะ price in อนาคต มองมีความเสี่ยง" นายเทิดศักดิ์ กล่าว