นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เผยถึงความคืบหน้าในการใช้แพลตฟอร์ม www. ไทยชนะ .com พบว่ามีร้านค้าที่เข้าใช้งาน ณวันที่ 27 พ.ค. มีจำนวนกิจกรรม/กิจการที่ลงทะเบียนร้านสะสมตั้งแต่เริ่มต้นโครงการมีจำนวน 120,953 ร้าน จำนวนผู้ใช้งาน 14,719,447 คน จำนวนการเข้าใช้งาน เช็กอิน 38,851,693 ครั้ง เช็กเอาต์ 25,830,131 ครั้งและประเมินร้าน 14,980,678 ครั้ง โดยจะมีการพัฒนาสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน
นอกจากนี้จากที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เข้าใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ ซึ่งต้องการให้พัฒนาเรื่องความปลอดภัย และการใช้งานง่าย โดยขณะนี้ล่าสุดสามารถรองรับภาษาอังกฤษได้แล้ว และกำลังพัฒนาเพื่อให้รองรับภาษาเมียนมา มาเลเซีย เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และภาษาลาว
ส่วนข้อแนะนำเพื่อให้ผู้ใช้ทำงานง่ายขึ้น เช่น กรณีถือของมากไม่สะดวกเช็กเอาต์ หรือกลับบ้านไปแล้วลืมเช็กเอาต์ รวมทั้งปัญหาคิวอาร์โค้ดปลอม ไม่นิ่งนอนใจ จึงพัฒนาจากแพลตฟอร์ม เป็นแอพพลิเคชัน"ไทยชนะ" ที่รองรับทั้งระบบแอนดรอยด์และไอโอเอส โดยระบบแอนดรอยด์จะสามารถดาวน์โหลดได้ในช่วงบ่ายวันนี้(28พ.ค.) ในเพลย์สโตร์ ส่วนระบบไอโอเอสนั้นจะดาวน์โหลดได้ภายในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์นี้
ขอย้ำว่าไม่มีการส่งเอสเอ็มเอสถึงผู้ใช้บริการ หากต้องการดาวน์โหลดต้องเข้าไปใน App Store และ Play Store เท่านั้น ไม่สามารถโหลดได้ในแหล่งอื่น ซึ่งประชาชนจะได้รับความสะดวกสามารถเช็กเอาต์เมื่อใดก็ได้ แต่ขอให้พยายามเช็กเอาต์ให้เร็วที่สุด เพราะถ้าจุดที่เช็กอินติดในกลุ่มต้องสอบสวนโรคข้อมูลผู้ใชบริการในช่วงเวลานั้นก็จะติดไปด้วย ทั้งนี้ประโยชน์ของแอพไทยชนะนี้จะช่วยให้เช็กอินและเช็กเอาต์ได้รวดเร็ว สามารถป้องกันคิวอาร์โค้ดปลอม ป้องกันการกรอกเบอร์โทรศัพท์ผิด และรวดเร็วในการสแกน
นพ.พลวรรธน์ กล่าวต่อว่า แอพพลิเคชั่นไทยชนะเวอร์ชั่นใหม่ จะเปลี่ยนรูปการประเมินร้านค้า เป็นรูปแบบไอคอนมี 4 รูปภาพ เพื่อให้เข้าใจง่าย ทั้งนี้ขอฝากประชาชนนอกจากเช็กอิน และเช็กเอาต์แล้ว ขอให้ช่วยประเมินมาตรการ 5 ข้อของศบค.ในกิจการ และกิจกรรมที่เข้าใช้บริการ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ให้เป็นไปได้ ทั้งนี้ แอพพลิเคชันไทยชนะยังมีความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า รวมถึงยังมีข้อดี คือ สามารถค้นหาร้าน กิจกรรม และกิจการได้ง่ายกว่าเดิม
"การทำแพลตฟอร์มและเว็บไทยชนะ ใช้เพื่อให้กรมควบคุมโรคได้ควบคุมและป้องกันโรค เป็นผู้ใช้ข้อมูลเพียงหน่วยเดียว ใช้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเพื่อที่จะได้นำไปพิจารณาต่อการกลับไปใช้ชีวิตปกติสุขในรูปแบบ New Normal"นพ.พลวรรธน์กล่าวทิ้งท้าย