“อนุทิน”เผย “นายกฯ”หนุนเต็มที่วัคซีนไทยต้านโควิด

23 พ.ค. 2563 | 04:00 น.

“อนุทิน”เผย “นายกฯ”หนุนเต็มที่วัคซีนไทยต้านโควิด ย้ำ คกก.วัคซีนแห่งชาติ วางนโยบายไว้อย่างชัดเจน พร้อมจัดสรรงบประมาณ ให้สถาบันวัคซีนฯ หาวิธีผลิตวัคซีนให้ได้ ย้ำ จุดแข็งไทยพร้อมเรื่องของทุน-วิชาการ-นักวิทยาศาสตร์

การพัฒนาและวิจัยวัคซีนต้านโวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆทั่วโลกมีความคืบหน้าเป็นลำดับ รวมถึงประเทศไทย ล่าสุดในการประชุม ศบค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ยืนยันพร้อมให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่

23 พฤษภาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ได้มีการรายงานการพัฒนาวัคซีนของไทยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ซึ่งนายกฯ ก็ได้ให้การสนับสนุน กระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติก็ได้วางนโยบายอย่างชัดเจน ให้สถาบันวัคซีนฯ ไปหาความร่วมมือและไปลงทุนในเรื่องการค้นคว้าวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งให้สถาบันวัคซีนฯ ไปทำการเชิงรุกหาวิธีผลิตวัคซีนให้ได้ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีโอกาส เพราะเรามีความพร้อมในเรื่องของทุน วิชาการและนักวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่

ถามว่าจะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนเร็วๆนี้หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราทุ่มเทกันขนาดนี้แล้วก็ต้องหวังว่าจะได้ข่าวดีแต่สิ่งที่เป็นข่าวดีมาจนถึงทุกวันนี้ในเรื่องโควิดเกิดมาจากความทุ่มเทอย่างเต็มที่และการทำงานอย่างหนักของบุคลากรทางการแพทย์และความร่วมมือของประชาชน หาก 3 ปัจจัยหลักนี้ยังคงความเข้มข้นอยู่ ประเทศไทยเราก็จะปลอดภัย พร้อมการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการที่นายกฯ มาเป็นประธาน ศบค. เอง ประกอบกับความร่วมมือของประชาชนและความทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ถ้าจับมือกันต่อสู้โควิดไม่มีแพ้อย่างแน่นอน นอกจากนี้อยากให้ทุกคนรีบไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์กันด้วยในช่วงนี้

ขณะที่สถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของไทยนั้น นายอนุทิน เชื่อว่า หลังจากนี้แนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจะดีขึ้นเรื่อยๆ หลังพบผู้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์ แต่ย้ำว่าต้องการ์ดไม่ตกโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะต้องรอลุ้นหลังจากนี้ที่จะครบ 14 วันหลังจากมีมาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 แต่มั่นใจว่าถ้าประชาชนคนไทยทุกคนร่วมมือกันกับรัฐบาลเป็นอย่างดีด้วยการไม่ประมาท ออกจากบ้านก็ยังสวมใส่หน้ากากอนามัย อย่างพร้อมเพียงกัน และต้องขอความกรุณาประชาชนทุกคนหากเจอแหล่งชุมนุมหรือการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก เช่น ในห้างสรรพสินค้า ที่รัฐบาลไม่สามารถห้ามคนไปห้างสรรพสินค้าหรือห้ามทําอะไรต่างๆ ได้ แต่ต้องการให้ทุกคนมีอิสระอย่างเต็มที่ จึงขอความร่วมมือหากไปในที่ที่มีคนจำนวนมากก็ต้องมีการเว้นระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดการแพร่เชื้อได้อย่างมากและทำให้มีความปลอดภัยขึ้นหลายเท่า