บทเรียน ฝรั่งเศส-เกาหลีใต้ ไทย “การ์ดห้ามตก”

24 พ.ค. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3577 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 24-27 พ.ค. 63 โดย... ว.เชิงดอย

          สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา-2019 หรือ “โควิด-19” ทั่วโลก ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 106,662 คน ถือเป็นตัวเลขใหม่ในรอบ 1 วัน ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่กว่า 5 ล้านคนแล้ว ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วโลกเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 329,000 คน สำหรับสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก ติดเชื้อไปแล้วเกือบ 1.6 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 95,000 คน

          สำหรับสถานการณ์โรค “โควิด-19” ในไทย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ยอดสะสม 3,037 ราย รักษาในโรงพยาบาล 84 ราย หายป่วยแล้ว 2,897 ราย ผู้เสียชีวิตคงที่ 56 ราย อัตราการติดเชื้อใหม่ของ “ไทย” ถือว่าอยู่ในระดับ “เลขตัวเดียว” มาหลายวันติดต่อกัน อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็ยัง “ประมาท” ไม่ได้ “หมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชี้ว่า ผลจากที่ยังมีผู้ติดเชื้อใหม่ 3 ราย เกิดขึ้นจากระยะของมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 สิ่งที่กำลังจะทำวันนี้จะเกิดขึ้นในอีก 7-14 วันข้างหน้า ตรงนี้ “การ์ดอย่าตก” เราจะได้ไประยะที่ 3 ต่อไป

          อ่า... และแล้ว คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 ที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน ก็ “เคาะ” ออกมาแล้วให้ต่อ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ออกไปอีก 1 เดือนจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จากที่จะครบกำหนดสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ขั้นต่อไปก็นำเข้า “ศบค.” ก่อนเสนอที่ประชุมครม.ในวันอังคารที่ 26 พฤษภาคม ต่อไป ดู ๆ แล้ว “ครม.” ก็น่าจะเห็นชอบตามที่คณะกรรมการชุดนี้เสนอ ด้วยเหตุผลที่ว่า “แม้วันนี้สถานการณ์การควบคุมโควิด-19 ดีขึ้น แต่สถาการณ์ทั่วโลกยังน่าเป็นห่วงและน่ากลัวอยู่ แม้ไทยประสบความสำเร็จ แต่ต้องระมัดระวังการผ่อนคลายเป็นระยะ เพราะไม่ต้องการให้แพร่ระบาดระลอก 2 ในไทย ที่จะเสียหายหนักกว่าเดิม” อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไป แต่การ “ผ่อนคลาย” ในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ก็จะมีอย่างเป็นขั้นตอนและด้วยความระมัดระวัง

          พูดถึงเรื่อง “การ์ดห้ามตก” ต้องไปดูบทเรียนที่ “เกาหลีใต้” หลังจากเปิดเรียนวันแรก เมื่อ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำเอาต้องรีบสั่งปิดอีกรอบกันเป็นแถว สำหรับโรงเรียนมัธยม 75 แห่ง เนื่องจากพบนักเรียน 2 คน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งนักเรียนบางส่วนถูกส่งตัวกลับบ้านทันทีที่เพิ่งเดินผ่านประตูรั้วเข้าไปในโรงเรียน สำหรับการเปิดเรียนของโรงเรียนในเกาหลีใต้ถูกเลื่อนออกมาหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ในขณะที่เกาหลีใต้ก็ได้ใช้มาตรการการเรียนการสอนทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน

          เช่นเดียวกับที่ “ฝรั่งเศส” ที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ก็พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างน้อย 70 ราย ในกลุ่มเด็กนักเรียนจากเนอสเซอรี่ และโรงเรียนประถมหลายแห่งนับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม ที่ “ผ่อนคลาย” มาตรการ “ล็อกดาวน์” เปิดสถานศึกษาราว 40,000 แห่ง ให้เด็กกว่า 1.4 ล้านคน กลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งการพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวทำให้เนอสเซอรี่กับโรงเรียนประถมหลายแห่ง ต้องปิดทำการอีกครั้ง ส่วนนักเรียนมัธยมต้นราว 1.5 แสนคน กลับไปเรียนที่โรงเรียนแล้วในวันเดียวกัน นายฌอง-มิเชล บลองเคร์ รมต.ศึกษาธิการของฝรั่งเศส บอกว่า การที่เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นเรื่องน่ากังวลยิ่งกว่าไวรัสโควิด-19 เสียอีก เพราะแม้ว่าเด็กนักเรียนราว 70% ยังศึกษาทางไกลอยู่ที่บ้าน แต่มีเด็กประมาณ 500,000 คน ที่เสี่ยงจะต้องดร็อปเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กด้อยโอกาส 

          สำหรับ “ไทย” กระทรวงศึกษาฯ กำหนดให้เปิดเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 หากเรายังมี “ผู้ติดเชื้อใหม่” ไปเรื่อย ๆ โดยที่ตัวเลขไม่เป็น “ศูนย์” ติดต่อกันหลายวัน ถึงเวลานั้น “เปิดเรียน” มา ก็ไม่รู้ว่าจะซ้ำรอยอย่าง “ฝรั่งเศส-เกาหลีใต้” หรือไม่....