AP ผงาดแชมป์เปิดโครงการใหม่-มูลค่าสูงสุด

22 พ.ค. 2563 | 03:49 น.

โชว์โฉม 10 บิ๊กดีเวลลอปเปอร์ สู้วิกฤติโควิด เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่มากที่สุดในรอบ 4 เดือนแรกปี 2563 เอพี ยืนหนึ่งทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าที่เปิดใหม่

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อยผู้ประกอบการมีความระมัดระวังในการเปิดขายโครงการใหม่ทั้งนี้ พบว่ามี 10 บริษัทชั้นนำที่ยังเปิดโครงการใหม่คึกคักมากที่สุด  โดยเปิดโครงการใหม่รวม34 โครงการ มูลค่าการพัฒนา 34,340 ล้านบาท   

 

กลุ่มผู้แข็งแกร่งนี้มี บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เป็นแชมป์ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าที่เปิดใหม่ อันดับรองลงมา บมจ.ศุภาลัย

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สหรือ area  เปิดเผยผลการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2563 พบว่า มีบริษัทพัฒนาที่ดินที่พัฒนาจำนวนหน่วยและมูลค่าสูงสุด 10 แห่งซึ่งทั้งหมดเป็นบริษัทมหาชนและรวมบริษัทในเครือด้วยแล้ว มีลำดับดังนี้

 

อันดับที่ 1 บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) พัฒนาทั้งหมด 8 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด1,778 หน่วย รวมมูลค่า 8,741 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 8.8% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 4.916 ล้านบาท

อันดับที่ 2 บมจ.ศุภาลัย พัฒนาทั้งหมด 4 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด 1,598 หน่วยรวมมูลค่า 4,619 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 7.9% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ2.890 ล้านบาท

 

อันดับที่ 3 บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ พัฒนาทั้งหมด 4 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด 1,439 หน่วย รวมมูลค่า 4,515 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 7.1% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 3.138 ล้านบาท

 

อันดับที่ 4 บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ พัฒนาทั้งหมด 4 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด 1,340 หน่วย รวมมูลค่า 3,231 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 6.6% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 2.411 ล้านบาท

 

อันดับที่ 5 บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาทั้งหมด 4 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด1,319 หน่วย รวมมูลค่า 3,349 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 6.5% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 2.539 ล้านบาท

อันดับที่ 6 บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท พัฒนาทั้งหมด 2 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด 802 หน่วย รวมมูลค่า 2,127 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 4.0% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 2.652 ล้านบาท

 

อันดับที่ 7 บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ พัฒนาทั้งหมด 3 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด713 หน่วย รวมมูลค่า 1,187 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 3.5% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 1.665 ล้านบาท

 

อันดับที่ 8 บมจ.อีสเทอร์นสตาร์ เรียลเอสเตท พัฒนาทั้งหมด 2 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด 633 หน่วย รวมมูลค่า 2,324 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 3.1% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 3.671 ล้านบาท

 

อันดับที่ 9 บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาทั้งหมด 2 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด575 หน่วย รวมมูลค่า 2,946 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 2.8% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 5.123 ล้านบาท

 

อันดับที่ 10 บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น พัฒนาทั้งหมด 1 โครงการ มีหน่วยขายที่เสนอขายทั้งหมด 450 หน่วย รวมมูลค่า 1,301 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 2.2% ทั้งนี้มีราคาขายต่อหน่วยคือ 2.891 ล้านบาท

 

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย วิเคราะห์ว่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 10 แห่งนี้ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 53% แสดงว่าบริษัทอื่นๆ นอกตลาดหรือบริษัทในตลาดรายอื่นๆ มีส่วนแบ่งในตลาดน้อยมาก  ตลาดเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ  ยิ่งกว่านั้นที่ผ่านมานับสิบปี บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เป็นแชมป์มาโดยตลอดทุกปี อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงกลางปี หรือช่วงหลังของปี บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท อาจกลับมาทวงแชมป์ใหม่ เนื่องจากมีโครงการเตรียมพร้อมไว้เป็นจำนวนมาก