นับถอยหลังโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยรัฐบาล ได้มอบให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านจ่ายบัญชีให้เกษตรกรโดยตรง แต่ถ้าใครไม่มีบัญชีก็สามารถแจ้งบัญชีอื่นได้ที่ www.เยียวยาเกษตร.คอม ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.-20 พ.ค. มีผลการดำเนินงานคืบหน้าตามลำดับ
แหล่งข่าว ธ.ก.ส. เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กลุ่ม เป้าหมายมาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน) ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 เมษายน 2563 แบ่งเป็น เกษตรกลุ่มที่ 1 จำนวน 8.33 ล้านราย (พืช สัตว์ ประมง) เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมหม่อนไหม การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กรมสรรพสามิต และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และได้ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรปี2562/63 (ตัดยอด ณ 30 เมษายน 2563) จำนวน 6.7 ล้านราย
“สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้ส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส.จำนวน 3.3 ล้านราย ซึ่ง ทาง ธ.ก.ส. ก็ได้ดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นมาจนถึงวันที่ 20 พ.ค.2563 จำนวนเกษตรกรทั่วประเทศ ที่ ธ.ก.ส. โอนจ่ายเยียวยาเกษตรกรทั่วประเทศ จำนวน 1,041,832 ราย ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ได้รับเงินเยียวยาเกษตรกรสูงสุด จำนวน 484,458 ราย รองลงมาภาคเหนือ จำนวน 273,821 ราย ถัดมาภาคใต้ จำนวน 1888,988 ราย ภาคตะวันตก จำนวน 35,281 ราย ภาคตะวันออก 32,558 ราย และภาคกลาง จำนวน 26,726 ราย”
แหล่งข่าว ธ.ก.ส. การโอนจ่ายเงินนั้นเป็นไปตามข้อมูลที่ สศก.ส่งข้อมูลให้มา ซึ่งพอกระบวนการเมื่อได้รับข้อมูลแล้ว ธ.ก.ส.จะมาคัดแยกว่าเกษตรกรรายใดมีบัญชี ธ.ก.ส.หรือไม่ ถ้ามีก็จะโอนให้ทันที ส่วนรายใดมีบัญชีอื่นในธนาคารไหน ธ.ก.ส.จะไปตรวจสอบจาก www.เยียวยาเกษตรกร.คอม หรือ www.moac.go.th ว่าเกษตรกรแจ้งไปที่ธนาคารใด ก็ต้องตรวจสอบว่าชื่อตรงกันหรือไม่ ส่วนกลุ่มที่ 3 ไม่มีบัญชีธนาคาร ก็โอนให้เป็นลำดับสุดท้าย พ่วงกับการไปติดประกาศตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรไปรับเงินได้ตามประกาศในวันนั้นๆ ที่ ธ.ก.ส. เปิดทำการก็สามารถที่จะไปเบิกถอนเงินในวันนั้นได้