ไม่พบผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว -กลุ่มเปราะบางเขตสุขภาพที่ 5

21 พ.ค. 2563 | 10:40 น.

"อนุทิน" เผยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในแรงงานต่างด้าวและกลุ่มเปราะบางในเขตสุขภาพที่ 5 พร้อมย้ำ อสม.และอสต. เคาะประตูห้องพักแรงงาน แนะนำการปฏิบัติตัวป้องกันการติดเชื้อ

 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ณ โรงพยาบาลนครท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร และ ศูนย์รังสีรักษา โรงพยาบาลนครท่าฉลอม โดยมีนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครให้การต้อนรับ


นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด -19 ประเทศไทยในขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง แต่ยังคงเข้มมาตรการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกเพื่อนำเข้าสู่การรักษาเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ โดยเน้นในกลุ่มเสี่ยง เช่น แรงงานต่างด้าว กลุ่มผู้ต้องขัง บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งกลุ่มอาชีพที่ต้องพบปะคนจำนวนมาก 


สำหรับเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ได้มอบนโยบายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ออกเคาะประตูบ้าน/ หอพักคนงาน ดูแลให้ความรู้เรื่องการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากาก การล้างมือบ่อย ๆ และคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก 
ไม่พบผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว -กลุ่มเปราะบางเขตสุขภาพที่ 5

 

โดยผลการตรวจหาเชื้อด้วยน้ำลาย (Pool Sample) จากแรงงานต่างด้าวและผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมทั้งสิ้น 3,446 ตัวอย่าง ในจำนวนนี้เป็นตัวอย่างจากจังหวัดสมุทรสาคร 2,168 ตัวอย่าง ผลการตรวจไม่พบมีผู้ติดเชื้อในตัวอย่างที่เก็บมาทั้งหมด ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับการควบคุมโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 เพิ่มขึ้น 


 “ขอชื่นชมและขอบคุณ ทั้ง อสม.และอสต.ที่ช่วยกันดูแลพี่น้องของตนเองให้เข้าใจแนวทางการควบคุมป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เชิญผู้ประกอบการ นายจ้างของ อสต. มารับทราบว่าเราตระหนักถึงความสามารถ ความร่วมมือที่ส่งผลดีต่อชาวสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง” นายอนุทิน กล่าว

ไม่พบผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว -กลุ่มเปราะบางเขตสุขภาพที่ 5
สำหรับศูนย์รังสีรักษา โรงพยาบาลนครท่าฉลอม เปิดให้บริการเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2563 รองรับผู้ป่วยรายใหม่ได้สัปดาห์ละ 15 ราย และให้บริการฉายรังสีได้วันละ 45 ราย ผู้ป่วยจากจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 5  ช่วยลดระยะเวลารอคอย ผู้ป่วยได้รับการฉายแสงภายใน 6 สัปดาห์จำนวนเพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดการส่งต่อผู้ป่วยออกนอกเขต
 

นอกจากนี้ มีผู้ป่วยจากเขตรอยต่อกรุงเทพฯ มารับบริการ ทำให้ตอบโจทย์นโยบายจตุรทิศของกระทรวงสาธารณสุข กระจายการให้บริการ 4 มุมเมือง ลดแออัดโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ  โดยได้รับการสนับสนุนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลรามาธิบดี  โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เพื่อจัดบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


 ทั้งนี้ ศูนย์รังสีรักษาฯ ได้รับงบประมาณการก่อสร้างและจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ประมาณ 140 ล้านบาท จากมูลนิธิโรงพยาบาลนครท่าฉลอม มีนายสุวรรณ แสงสุขเอี่ยม เป็นประธาน ผ่านการตรวจประเมินขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับส่งต่อเฉพาะทางด้านรังสีรักษาฯ จากคณะทำงานพัฒนามาตรฐานหน่วยบริการที่ให้บริการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัดและรังสีรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้ครอบคลุม