ตามหาความจริง กับ ความจริงที่หายไป (1)

21 พ.ค. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ หน้า 6 ฉบับ 3576 ระหว่างวันที่ 21-23 พ.ค.63 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

          หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ “ยุบพรรคอนาคตใหม่” แก๊ง 3 คน ที่เป็นแกนนำพรรคคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น้องช่อ-พรรณิการ์ วานิช ก็กลายเป็นเด็กน้อยผู้เร่ร่อนทางการเมือง จากที่เคยมีบทบาทใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นเวทีการเมือง ก็จำต้องเปลี่ยนบทบาทมาเล่นการเมืองนอกสภาฯ เพราะสะดุดเท้าตัวเอง จนพรรคถูกยุบด้วยความกร่าง อวดดีอวดเก่ง แต่ไม่ศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อนตั้งพรรค หรือด้วยความทนงหลงเชื่อเพื่อน ว่าเป็นด็อกเตอร์ทางกฎหมาย จึงเกิดปัญหาจนพรรคโดนยุบ หมดเงินไปกับการเลือกตั้งหลายร้อยล้าน แบบสูญเปล่า

          หลุดจากตำแหน่ง ส.ส.ถูกถอนสิทธิ์ทางการเมือง แต่กลัวโลกลืม สังคมไม่จดจำ แก๊ง 3 คน จึงพยายามที่จะ “ปลุกระดม” มวลชนคนรุ่นใหม่ และบรรดาสาวกพรรคส้มหวาน จัดชุมนุมทางการเมือง โดยคาดหวังการปลุกมวลชนโค่นล้ม ขับไล่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่สถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ ประเทศไทยและทั้งโลก เจอภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้อง “ล็อกดาวน์” ปิดประเทศ ตามด้วยมาตรการ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" ทุกคนต้องเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันเชื้อ ห้ามการชุมนุมมั่วสุม อีเว้นท์การชุมนุมทางการเมืองจึงแป๊ก เดินหน้าต่อก่อกระแสจุดไฟไม่ติด เหมือนเทวดาฟ้าดินไม่เข้าข้าง

          ครั้นจะหยิบเอาประเด็นมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล กับการรับมือโรคระบาดมาเล่นงานโจมตี กลับปรากฎว่ารัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ที่ปรึกษาดีแก้ปัญหานี้ได้ดีเกินคาด การออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล จุดประเด็นการเมือง ของแก๊ง 3 คน จึงกลายเป็นเรื่องน่ารังเกียจของสังคม แบบคนไม่รู้กาละเทศะ อะไรควรมิควร สังคมไม่เล่นด้วย แต่พวกเขาหาได้สำนึกและสรุปบทเรียนไม่

          เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ ประเทศไทยได้รับการยกย่องไปทั่วโลก รัฐบาลประสบผลสำเร็จในการรับมือกับโรคระบาด พวกเขาก็หาได้แสดงความยินดีใดๆ ร่วมกับคนไทยทั้งประเทศ ยังคงหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องการเมือง แต่เป็นการเมืองที่สนองตัณหาพวกตน เป็นการเมืองที่มิได้อยู่ในความสนใจ หรือเป็นความเรียกร้องต้องการของมหาชนแต่อย่างใด เป็นการเมืองที่ไร้ความคิดสร้างสรรค์ นอกจากปลุกปั่นให้คนไทยแตกแยกขัดแย้ง

          การกลับมาหาของเล่นใหม่ ตามประสาพวกอยู่ไม่เป็นสุข ดิ้นรนขุดหลุมให้ตัวเอง ด้วยอีเว้นท์ "ตามหาความจริง" โดยเน้นไปที่การตามหาความจริงของการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 ซึ่งประชาชนรู้กันทั้งเมืองว่าเป็น "การชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง" ด้วยการทำเท่ห์ยิงเลเซอร์ตามตึกอาคารต่างๆ เรียกร้องความสนใจ มันช่างคิดหาเรื่องให้ตนเอง และหาเรื่องเผาพวกเดียวกันจริงๆ พรรคเพื่อไทย กับคนเสื้อแดง จะปลื้มด้วยหรือไม่กับอีเว้นท์นี้ ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่กำลังค่อยๆ ลืมฝันร้ายนี้ไปแล้ว พวกเขากลับช่วยกันขุดขึ้นมาตอกย้ำให้คนเกลียดชังเหตุการณ์ดังกล่าว และคนที่มีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นซ้ำไปอีก

          รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ควรรีบช่วยพวกเขาค้นหาความจริง อย่าได้ขัดขวาง หรือเอากฎหมายไปเล่นงานพวกเขาน่ะครับ เดี๋ยวจะเสียค่าโง่ ควรเชิญพวกเขารีบค้นหาและเสนอความจริงเถอะ เพราะการชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองครั้งนั้น คือข้อเท็จจริงและประจักษ์พยาน ที่จะบอกให้เห็นความชั่วร้ายของพวกเขา และธาตุแท้ทางความคิดการเมืองอันสามานย์ของพวกเขาดีที่สุด ยิ่งขุดค้นหาความจริง ยิ่งเป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเอง และพวกเดียวกันนั่นเอง

          เรื่องการชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองปี 2553 นั้น ได้ปรากฎข้อเท็จจริงโดยละเอียดตามรายงานฉบับสมบูรณ์ ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) กรกฎาคม 2553-กรกฎาคม 2555 แล้วในทุกแง่มุม เพียงแต่เชิญชวนให้พี่น้องประชาชน ใครๆ ที่ต้องการทราบเหตุการณ์ได้อ่าน และเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบเท่านั้น

          แต่ละเหตุการณ์ความรุนแรงของการชุมนุม ไม่ว่าการยิงทหาร ประชาชน การระเบิดสถานที่ราชการ เผาห้างสรรพสินค้า และสถานที่ต่างๆ การเผาศาลากลางจังหวัด และเหตุการณ์ตายจากการชุมนุม ปรากฎข้อเท็จจริง คลิปวิดีทัศน์ และภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว ให้เห็นทุกเหตุการณ์ ส่วนที่มีการฟ้องร้องต่อศาล ล้วนมีคำวินิจฉัยของศาลอันเป็นที่สุดแล้ว ถึงแม้บางคดีจะยังอยู่ในการพิจารณาของศาล ยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม แต่ก็ปรากฎข้อเท็จจริงให้ทราบทั้งสิ้น อันเป็นความจริงที่ชัดแจ้งยิ่งกว่าแสงตะวัน ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเผาทำลาย ก่อเหตุอย่างไร

          ตามรายงานของ คอป.ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 8 มิถุนายน 2553 นั้น และทำงานต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ให้การรับรองสนับสนุน ให้คณะกรรมการ คอป.ดำเนินการต่อไปจนเสร็จสิ้น โดยแต่งตั้งให้ ศาสตราจารย์ ดร.คณิต ณ นคร ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการ มีคณะกรรมการ คอป.ประกอบด้วยบุคคลดังนี้

1. ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานกรรมการ
2. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ กรรมการ
3. รศ.จุฑารัตน์ เอื้ออำนวย กรรมการ
4. รศ.เดชา  สังขวรรณ กรรมการ
5. นายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการ
6. ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ กรรมการ
7. นายสมชาย หอมลออ กรรมการ
8. นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการ
9. รศ.สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล กรรมการ
10. นายวิศิษฎ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เลขานุการ
11. นายวิทยา  สุริยะวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการ
12. นายพิรียุตม์ วรรณพฤกษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ

          คณะกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิอันเป็นที่เชื่อถือ เป็นอิสระ เป็นกลางและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ หรือมีส่วนได้เสียกับใครหรือผู้ใด ประธานคณะกรรมการ เป็นอดีตอัยการสูงสุด เคยร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย สมัย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคด้วยซ้ำไป ส่วนเลขานุการ ก็เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม สมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการได้ติดตามตรวจสอบและค้นหาความจริง จึงมีความน่าเชื่อถือและรับฟังได้ พวกเขาจะโต้แย้งก็ฟังไม่ขึ้น

          รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ กับข้อเท็จจริง ที่แก๊ง 3 คนกำลังตามหา เพราะผู้เขียนก็อยากฟังและอยากเห็นเช่นเดียวกัน ว่าเจ้าเด็กวานซืน "แก๊ง 3 คน" จะปั้นและคั้นเอาความจริงอะไร มาโพทนาต่อสังคม และจะมีคุณค่าอะไรให้เชื่อถือ ยิ่งถ้าหากเป็นความเท็จซ่ะแล้ว ที่สุดก็เจอคดีติดคุกเอง

          จึงไม่ควรไปตื่นเต้นใส่ใจอะไรกับเลเซอร์ตามหาความจริง เพราะยิ่งตามก็ยิ่งจะพบความจริงที่จะรัดคอพวกเขาเสียเอง อีเว้นท์นี้ "รัฐบาลควรอยู่บนภู ดูพวกเขาขุดหลุมฝังกันเอง" ดีกว่า