หุ้น THAI ชน Ceiling ครั้งที่ 8 หลังตลท.ปรับเกณฑ์ใหม่

20 พ.ค. 2563 | 10:03 น.

หุ้น THAI ชน Ceiling ครั้งที่ 8 หลังตลท.ปรับเกณฑ์ใหม่ ด้านราคาหุ้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 19 พฤษภาคม 2563 เพิ่มขึ้น 44.17% โบรกห่วงหลัง Automatic Stay ราคาหุ้นกู้ถูกกระทบ

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 อยู่ที่ 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 14.89% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 178.85 ล้านบาท เป็นราคาเสนอซื้อขายสูงสุด (Ceiling)

 

ทั้งนี้ตั้งแต่ตลท.ปรับเกณฑ์กำหนดราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) เดิมได้ไม่เกิน 30% เป็น 15% ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 และไม่เกิน 30 มิถุนายน 2563 นั้น ราคาหุ้น THAI ได้ปรับขึ้นลงชน Ceiling และติด Floor ทั้งหมด 10 ครั้ง เป็นการชน Ceiling 8 ครั้ง และติด Floor 2 ครั้ง

 

หุ้น THAI ชน Ceiling ครั้งที่ 8 หลังตลท.ปรับเกณฑ์ใหม่

 

ขณะที่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 19 พฤษภาคม 2563 ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 1.44 บาท หรือ 44.17% ซึ่งราคาสูงสุดอยู่ที่ 7.85 บาท เมื่อวันที่ 24 เมษายน และราคาต่ำสุดอยู่ที่ 3.16 บาท เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563

 

สำหรับราคาชน Ceiling 8 ครั้ง คือ วันที่ 3 เมษายน ที่ราคา 3.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.48 บาท หรือ 15.00% มูลค่าซื้อขาย 45.90 ล้านบาท, วันที่ 7 เมษายน ที่ราคา 4.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.54 บาท หรือ 14.67% มูลค่าซื้อขาย  28.17 ล้านบาท, วันที่ 8 เมษายน ที่ราคา 4.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.62 บาท หรือ 14.69% มูลค่าซื้อขาย 9.34 ล้านบาท,

 

วันที่ 9 เมษายน ที่ราคา 5.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.71 บาท หรือ 14.67% มูลค่าซื้อขาย 18.07 ล้านบาท, วันที่ 10 เมษายน ที่ราคา 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 14.41% มูลค่าซื้อขาย 29.58 ล้านบาท, วันที่ 16 เมษายน ที่ราคา 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 14.41% มูลค่าซื้อขาย 259.44 ล้านบาท,

 

วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ราคา 4.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 14.63% มูลค่าซื้อขาย 823.33 ล้านบาท และวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ราคา  5.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 14.89% มูลค่าซื้อขาย 178.85 ล้านบาท ส่วนติด Floor 2 ครั้ง คือ วันที่ 11 พฤษภาคม ที่ราคา 5.15 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ 14.88% มูลค่าซื้อขาย 161.91 ล้านบาท และ วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ราคา 4.10 บาท ลดลง 0.72 บาท หรือ 14.94% มูลค่าซื้อขาย 363.03 ล้านบาท

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ THAI ยื่นคำขอ แผนฟื้นฟูกิจการ ต่อ ศาลล้มละลายกลาง ในขั้นตอนต่อไป THAI จะต้องจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อยื่นคำร้องต่อศาล และเมื่อศาลมีการรับคำร้องแล้ว จะทำให้ THAI ได้รับการคุ้มครองเข้าสู่สภาวะพักหนี้หรือ Automatic Stay โดยทันที

หุ้น THAI ชน Ceiling ครั้งที่ 8 หลังตลท.ปรับเกณฑ์ใหม่

แม้ว่ากระบวนการ Automatic stay จะเป็นผลดีต่อลูกหนี้ในแง่ที่ว่ากิจการของบริษัทยังสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงแรกก็คือราคาตราสารหนี้ของบริษัทในตลาดรองที่อาจได้รับผลกระทบไปก่อน โดยหากดูจากราคาซื้อขายหุ้นกู้การบินไทยในช่วง 1-2 วันนี้ จะพบว่าราคาตกลงมาอย่างน่าใจหาย

 

อย่างไรก็ตาม ราคาตราสารหนี้ที่ตกลง รวมถึงภาวะ Technical default ที่มีแนวโน้มสูงว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ผู้ที่ถือตราสารหนี้ของ THAI อยู่นั้นหากเกิดความวิตกกังวลได้ เช่น กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ถือหุ้นกู้รวมอยู่เกือบ 40,000 ล้านบาท

 

ส่วนทางด้านตราสารทุนนั้น จากการตรวจสอบกับทางตลท.ล่าสุด พบว่าในปีนี้ THAI คงจะยังไม่ถูกให้ขึ้นเครื่องหมาย SP แต่อย่างใด โดยหากจะเกิดขึ้นเร็วสุด ก็อาจจะเป็นช่วงต้นปีหน้าที่จะมีการรายงานงบตรวจสอบ (งบปี) ออกมา ซึ่งถ้าหากออกมาแล้วส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ จะเข้าเกณฑ์การพิจารณาเหตุเพิกถอนทันที

 

นอกจากนั้น ช่วงถัดไป หากศาลตอบรับคำร้องการขอฟื้นฟูกิจการ จะทำให้ THAI เข้าเกณฑ์การถูกขึ้นเครื่องหมาย C จากตลท.โดยทันที จากนั้นผู้ลงทุนจะต้องซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น ทั้งนี้ ประเมินว่าจริงๆแล้ว THAI มีโอกาสที่จะถูกให้ขึ้นเครื่องหมาย C ตั้งแต่รอบรายงานงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2563 นี้แล้วด้วยซ้ำ หากผลออกมาส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว แต่เนื่องจาก THAI ขอยื่นเรื่องผ่อนผันการส่งงบ จึงทำให้ยังไม่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว (ณ สิ้นปี 2562 THAI มีส่วนของผู้ถือหุ้นราว 53% ของทุนชำระแล้ว)

 

ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิดคือความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นกู้เอกชน ที่แต่เดิมทีก็อยู่ในระดับแย่อยู่แล้ว ซึ่งหากมาเจอเหตุการณ์นี้เข้าไปอีก อาจทำให้ Corporate bond spread จะยังยืนอยู่ในระดับสูงต่อไปได้ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัทเอกชนได้ต่อไป