เดินหน้าสร้างกองเรือไทย ทวงคืนรายได้เข้าประเทศ 6 พันล้านต่อปี

20 พ.ค. 2563 | 08:38 น.

กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าสร้างกองเรือไทย ตั้งเป้าทวงคืนรายได้เข้าประเทศกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี ปล่อย “เรือทรัพย์ดาวประมง”สู่มหาสมุทรอินเดียวันนี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนเมษายน 2560 ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีความตกลงการทำการประมงสำหรับพื้นที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย (Southern Indian Ocean Fisheries Agreement : SIOFA) ซึ่งเป็นความตกลงจัดตั้งองค์การระดับภูมิภาคด้านการจัดการทรัพยากรประมงในพันธุ์สัตว์น้ำตระกูลอื่นที่ไม่ใช่ปลาทูน่า และขจัดการทำประมงผิดกฎหมายในพื้นที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย โดยการเข้าเป็นภาคี SIOFA จะทำให้ไทยมีสิทธิเข้าไปทำการประมงนอกน่านน้ำในพื้นที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียได้อย่างถูกกฎหมาย ภายใต้มาตรการควบคุมและการอนุรักษ์ของ SIOFA และสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงในเขตมหาสมุทรอินเดียให้เป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน อันเป็นประโยชน์ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ

เดินหน้าสร้างกองเรือไทย ทวงคืนรายได้เข้าประเทศ 6 พันล้านต่อปี

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี พ.ศ. 2539 ไทยได้เข้าเป็นภาคีคณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Tuna Commission : IOTC) ซึ่งเป็นองค์การระดับภูมิภาคด้านการจัดการทรัพยากรประมงในพันธุ์สัตว์น้ำตระกูลทูน่า การที่ไทยเป็นสมาชิกทั้ง IOTC และ SIOFA จะทำให้การทำประมงนอกน่านน้ำของกองเรือประมงไทยในเขตมหาสมุทรอินเดียเป็นไปตามกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้ปรับปรุงระบบติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมงของเรือประมงนอกน่านน้ำให้เป็นไปอย่างเข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นความพยายามที่จะยกระดับการประมงนอกน่านน้ำเข้าสู่มาตรฐานสากลและขจัดการประมงผิดกฎหมายให้หมดสิ้นไปจากอุตสาหกรรมประมงของไทย

เดินหน้าสร้างกองเรือไทย ทวงคืนรายได้เข้าประเทศ 6 พันล้านต่อปี

                                    มีศักดิ์  ภักดีคง

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ออกใบอนุญาตประมงนอกน่านน้ำ กรมประมงออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำไทยให้ไปทำการประมงในพื้นที่ Saya maha bank ซึ่งอยู่ในเขตความดูแลรับผิดชอบของ SIOFA และกรมประมงได้แจ้งขึ้นทะเบียนกับ SIOFA แล้ว จำนวน 6 ลำ ดังนี้

  1. เรือมณีเงิน 5 ออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ วันที่ 3 พฤษภาคม 2562
  2. เรือโชคเพิ่มสิน 1 ออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ วันที่ 3 พฤษภาคม 2562
  3. เรือเอส เอ็ม เอส 1 ออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ วันที่ 12 กรกฎาคม 2562
  4. เรือทรัพย์ดาวประมง 5 ออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ วันที่ 24 ตุลาคม 2562
  5. เรือเซ็นจูรี่ ออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ วันที่ 8 ตุลาคม 2562
  6. เรือก.วงศ์วัฒนา 6 ออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ วันที่ 8 ตุลาคม 2562

 

เดินหน้าสร้างกองเรือไทย ทวงคืนรายได้เข้าประเทศ 6 พันล้านต่อปี

นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีเรือที่ออกไปทำการประมงนอกนน้ำแล้วจำนวน 2 ลำ คือ เรือมณีเงิน 5 ซึ่งได้เริ่มออกไปทำการประมงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 และเรือโชคเพิ่มสิน 1 ซึ่งได้ออกไปทำการประมงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 โดยทั้งสองลำไปกลับทุก 3 เดือน ขณะนี้เรือทั้งสองลำได้เดินทางกลับมาที่ท่าประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้เรือทรัพย์ดาวประมง 5 อยู่ระหว่างการเตรียมเรือเพื่อออกไปทำการประมง ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563

นอกจากนี้ กรมประมงยังได้ดำเนินการในส่วนมาตรการในการควบคุมเรือประมงนอกน่านน้ำของไทย ประกอบด้วย 1) จดทะเบียนเรือประมง (Fishing Vessel Registration) 2) การออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ (Issuance of oversea fishing by Thai flagged fishing vessel) และ 3) การติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังสำหรับเรือประมงนอกน่านน้ำไทย  

ทั้งนี้ ก่อนที่ประเทศไทยมีมาตรการเรียกเรือประมงนอกน่านน้ำกลับไทย ปี 2558 หรือกำหนดมาตรการควบคุมที่สอดคล้องกับหลักการสากลการทำการประมงนอกน่านน้ำในประเทศไทยสามารถนำรายได้กว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีปริมาณการจับสัตว์น้ำกว่า 2.5 แสนตันต่อปี