เลื่อนเซ็นสัญญา “อู่ตะเภา”กลุ่มบีบีเอสเป็นมิ.ย.นี้
ความล่าช้า ในการเจรจา และมีพิจารณา ร่างสัญญา ตามตัวบทกฎหมาย หลายขั้นตอน ประกอบกับ ผลกระทบจากการมาของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก ต้องเลื่อน การลงนามในสัญญา กับกลุ่ม กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดให้กับรัฐ ซึ่งประกอบด้วยบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ถือหุ้น 35% กับ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ถือหุ้น 45%และบมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)ถือ 20% จากเดิมเดือนพฤษภาคม นี้เป็นเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ระบุว่าในวันพรุ่งนี้ (21พ.ค.) จะประชุม ความความคืบหน้าโครงการฯ คาดว่าจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ และ กรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กล่าวว่า การเจรจาและการพิจารณาสัญญาของอัยการสูงสุดแล้วเสร็จเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ระยะเวลาล่าช้าจากเดิมไปที่คาดจะลงนามในสัญญาได้เดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มบีบีเอสยังไม่ได้เข้าไปดำเนินการทันทีเพราะต้องรอความชัดเจนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา) ว่าจะเริ่มดำเนินงานได้เมื่อไหร่
โดยตามแผนงานจะเริ่มงานเฟสแรก จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารที่รองรับผู้โดนสารได้ 16 ล้านคน/ปี และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้งบลงทุนราว 4 หมื่นล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จ 3 ปี