ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ไทยพาณิชย์ระบุ เงินบาท แม้จะมีทิศทางแข็งค่าแต่ก็ยังไม่เห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนทั้งในหุ้นและบอนด์ไทยอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการปรับสัดส่วนการลงทุนของประเทศไทยในตะกร้าตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ทำให้สภาพคล่องในตลาดไม่สูง ดังนั้นถ้าวันนี้ กนง. "ลดดอกเบี้ย" ก็น่าจะเห็นเงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปทดสอบระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ด้วยแรงเก็งกำไรของนักค้าเงินทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินอยู่ในโหมดพักฐาน ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 1.05% ขณะที่ Euro Stoxx 50 ย่อตัวลง 0.32% สวนทางกับสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำที่ฟื้นตัวแตะระดับ 1745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาสินทรัพย์ปลอดภัยโดยบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปี ถอยกลับมาที่ระดับ 0.68% จากการปรับฐานครั้งนี้
ส่วนในฝั่งของตลาดเงิน การปรับฐานของตลาดกลับไม่เห็นการแข็งค่าของดอลลาร์มากเนื่องจากตลาดเลือกมองทิศทางของค่าเงินยูโร (EUR) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากนโยบายการคลังใหม่ระหว่างเยอรมันและฝรั่งเศสก่อน ขณะที่หลายประเทศในยุโรปก็เริ่มเปิดการเดินทางระหว่างกันมากขึ้น ในอนาคตเงินยูโรจึงอาจเร่งตัวขึ้นมากดดันดอลลาร์ได้
ส่วนในวันนี้จุดที่น่าสนใจที่สุด คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากมีความเป็นไปได้ทั้ง "ลด" ดอกเบี้ยไปที่ระดับ 0.50% หรือ "คง" ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% โดยการลดดอกเบี้ยทันทีจะช่วยประคองเศรษฐกิจ แต่ด้วยดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำกนง.ก็อาจเลือกที่จะรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยและประเมินความเสี่ยงด้านอื่นไปพร้อมกันด้วย
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตลาดยังมองแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาลง ดังนั้นหาก กนง. ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ก่อน อาจเห็นบอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวขึ้นบ้างจากระดับปัจจุบันที่ยีลด์ 10ปี อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.09% แต่ยีลด์ระยะสั้น (เช่นบอนด์ยีลด์ 2ปีที่ระดับ 0.60%) อาจไม่กระทบมากเนื่องจากความหวังว่ากนง.ต้องปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัวมากกว่าที่ธปท.ประเมินไว้อยู่