พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่า "เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก" ในการพิจารณา "แผนฟื้นฟูการบินไทย" ซึ่งมี 3 แนวทาง แต่สุดท้ายได้ตัดสินใจเลือกแนวทางที่ 3 คือ ส่งให้เข้าสู่ กระบวนการฟื้นฟูของศาลล้มละลายกลาง เพื่อให้การบินไทยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของศาล เพื่อฟื่้นฟูกิจการ
พลเอกประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า วันนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เป็นการตัดสินใจที่รู้ว่าจะช่วยรักษาผลประโยชน์ของประเทศชิตได้อย่างไร ที่ผ่านมาทุกคนทราบดีอยู่แล้ว บมจ.การบินไทย มีปัญหาหนี้สินจำนวนมาก และมี 3 ทางเลือกในการพิจารณาแก้ปัญหา คือ
1.หาเงินให้การบินไทยดำเนินการแก้ปัญหา 2.ปล่อยให้เข้าสู่สถานะการล้มละลาย และ 3.เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาล โดยที่ผ่านมาเราปล่อยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เพราะติดกฎหมายหลายฉบับ เช่นกฎหมายแรงงาน กฎหมายรัฐวิสาหกิจ
ดังนั้นต้องหามาตรการที่เหมาะสมที่สุด ซึ่ง ครม. ได้พิจารณาร่วมกับ คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เราตัดสินใจเข้าสู่หนทางตามข้อ 3 คือฟื้นฟูกิจการ เป็นทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และมีขั้นตอนการแก้ปัญหาภายในขององค์กรต่อไป
“ผมอยากให้ทุกคนกลับไปคิดดูว่า เรามีการบินไทยเพื่ออะไร และควรจะเป็นองค์กรที่ควรจะช่วยสร้างชื่อเสียงและสร้างรายได้ให้กับคนไทย มีความสามารถในการแข่งขัน มีความเข้มแข็งด้วยตัวเอง วันนี้ถึงเวลาที่เราต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ยื่นขอฟื้นฟูต่อศาล และได้มีการหารือกันอย่างรัดกุมแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์เวลานี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤติ รายได้ทุกคนกำลังหายไป เราต้องรักษาเงินตราของประเทศเอาไว้ใช้ในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งเกษตรกรที่ตกทุกข์ได้ยาก กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทุกคนต่างเผชิญปัญหากับวิกฤติเศรษฐกิจ คนหาเช้ากินค่ำ ประชาชนทุกคนต่างทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของตนเอง ดังนั้นรัฐบาลได้คิดอย่างรอบคอบในทุกมิติ
และรู้สึกว่าการตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของ บมจ.การบินไทย เป็นหนทางที่ดีกว่าปล่อยให้เข้าสู่สถานะล้มละลาย เพราะจะทำให้พนักงาน 20,000 คนถูกลอยแพ ซึ่งเราทุกคนไม่อยากเห็นและรัฐบาลจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมอย่างเต็มที่ แม้ว่า บมจ.การบินไทย จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก็ตาม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“การบินไทย”ยันทำธุรกิจปกติแม้เข้าฟื้นฟูตามก.ม.ล้มละลาย
“การบินไทย”หยุดบินถึงสิ้นเดือนมิ.ย.
สหภาพฯ “การบินไทย”ค้าน คลังลดสัดส่วนถือหุ้น
“เมื่อการบินไทยอยู่ภายใต้กระบวนการฟื้นฟู ศาลจะแต่งตั้งมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการฟื้นฟูกิจการ ผมและประชาชนทุกคนคาดหวังเช่นเดียวกันว่า เมื่อมีมืออาชีพเข้ามาทำหน้าที่ จะทำให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยทุกคนภาคภูมิใจ สร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศไทย และนี่เป็นวิธีการเดียวที่จะช่วยให้การบินไทย สามารถประกอบกิจการได้ต่อไป และพนักงานทุกคนมีงานทำต่อไปได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดคือการตัดสินใจของตน ส่วนรายละเอียดให้เป็นไปตามที่ศาลจะกำหนด และจะมีการแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป อย่างไรก็ตาม บมจ.การบินไทย ถือเป็นทูตวัฒนธรรมที่ดีของคนไทยมานานกว่า 60 ปี ผ่านการทุ่มเทของผู้คนมากมาย ตั้งแต่พนักงานต้อนรับ นักบิน วิศวกร แม้แต่พนักงานภาคพื้น ตนคาดหวังเหมือนคนไทยทุกคนว่า การช่วยเหลือให้ บมจ.การบินไทย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูจะช่วยให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินที่แข็งแกร่งได้อีกครั้ง
ด้านนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการคนที่ 2 รักษาการแทนกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน) กล่าว ในวันนี้ (19 พ.ค.) ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้การบินไทยดําเนินการตามแผนฟื้นฟูธุรกิจภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง โดยให้บริษัทฯ ดําเนินกิจการตามปกติ
"การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการแม้จะเป็นการดําเนินการภายใต้พระราชบัญญัติล้มละลาย แต่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการเลิกหรือชําระบัญชีบริษัทฯ หรือไม่ได้มุ่งหมายให้บริษัทฯ ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลายแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายในครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีกฎหมายรองรับและให้ความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย" นายจักรกฤศฏิ์กล่าว
ทั้งบริษัทฯ ยังสามารถประกอบธุรกิจปกติต่อไปได้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการขนส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางของการบินไทยทั่วโลก หรือการขนส่งสินค้าไปรษณียภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะดําเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูองค์กรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดําเนินงานและพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
บริษัทฯ มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการดําเนินการทุกวิถีทางเพื่อฝ่าวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญในการเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ ไปในทางที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และบริษัทฯ ขอขอบพระคุณผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งรวมถึงผู้ถือหุ้น คู่ค้า พันธมิตรทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าและผู้โดยสารทุกท่านที่ยังคงให้การสนับสนุนและมอบความไว้วางใจให้บริษัทฯ ได้มีโอกาสรับใช้ท่านต่อไป บริษัทฯ พร้อมจะกลับมาดําเนินกิจการและทําการบินอย่างเต็มศักยภาพในทันทีเมื่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว