“เฉลย”2รายที่ติดเชื้อ“โควิด-19”เป็นเจ้าหน้าที่กกต.
เฉลย 2 คนที่พบติดเชื้อ "โควิด-19" ใหม่ พบเป็นเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. เป็นคนใกล้ชิดในกลุ่มเดิม ปิดซ้ำสำนักวินิจฉัยและคดียาวถึง 30 พ.ค.
วันนี้ (18 พ.ค.6) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ (ศบค.) ได้แถลงตัวเลขพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 รายนั้น มีรายงานว่า ในจำนวน 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและวินิจฉัยคดีของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนงานเดียวกับที่พบการติดเชื้อไปก่อนหน้านี้ 4 ราย
โดย 2 รายล่าสุดที่พบนั้น มาจากการที่ทางสำนักงานกกต.ได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจเชื้อให้เจ้าหน้าที่กกต.ในกลุ่มที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ 4 รายก่อนหน้านั้นซ้ำเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าในรายที่ 4 นั้น ในการตรวจรอบแรกหลังนิติกรคนแรกติดเชื้อ ผลตรวจของเจ้าหน้าที่คนที่ 4 ไม่พบเชื้อ และได้ทำการกักตัวที่บ้านพักเป็นเวลา 14 วัน แต่เมื่อใกล้ครบเวลากักตัวมีอาการไอ จึงเดินทางไปตรวจและพบว่าติดเชื้อ ทำให้สำนักงานเกิดความกังวลเกรงว่าอาจมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่ปรากฎอาการอยู่
ประกอบกับครบระยะเวลาปิดสำนักวินิจฉัยและคดีจุดที่มีการพบเชื้อและเริ่มเปิดให้เจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานจำนวนหนึ่งเมื่อวันที่ 12 พ.ค.โดยทางสำนักงานต้องการให้เจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานที่สำนักงานมากขึ้นในวันที่ 18 พ.ค. ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสบายใจและสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ส่วนงานอื่น จึงได้จัดตรวจเจ้าหน้าที่กลุ่มใกล้ชิดเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อ 4 รายก่อนหน้านี้ ทำให้พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานวินิจฉัยและคดีติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย โดยไม่ได้ปรากฏอาการใด รวมขณะนี้สำนักงานกกต.พบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิดแล้ว 6 ราย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ 2 รายล่าสุดได้เข้ารับการรักษาตัว ทางโรงพยาบาลได้มีการแจ้งผลการตรวจเชื้อล่าสุดมาให้สำนักงานทราบว่าผลตรวจเชื้อเป็นลบ แต่ก็จะยังเฝ้าดูอาการของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเป็นเวลา 14 วันเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่ทางสำนักงานกกต. จากเดิมที่จะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่สำนักวินิจฉัยและคดีให้มาปฏิบัติงานที่สำนักงานมากขึ้น ก็จะมีคำสั่งให้ปิดสำนักงานวินิจฉัยและคดีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 พ.ค. โดยให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้ติดเชื้อปฏิบัติงานที่บ้าน ส่วนจะมีการเปิดทำการเมื่อใดทางสำนักงานขอดูว่าจะพบเจ้าหน้าที่คนใดติดเชื้อเพิ่มหรือไม่ โดยจะประเมินสถานการณ์เมื่อใกล้ถึงวันที่ 30 พ.ค.