@@@ หลังจากจบ และครบกำหนดเวลาของการแจ้งผลการดำเนินงาน ปรากฏว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทยทำกำไรได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงกว่า 60% เชียวนะคะ เจ๊เมาธ์ยืนยันได้แน่นอนว่าสัญญาณเริ่มต้นไม่ดีแบบนี้...ปีนี้ก็คงจะไม่ดีทั้งปีหละค่า อ้อ...อีกอย่างที่เจ๊เมาธ์อยากบอกก็คือ เรื่องการเลือกรับข่าวและการกรองเนื้อหาของข่าว เพราะหลังๆ มานี้ เจ๊เมาธ์เห็นมีหนังสือพิมพ์บางฉบับ ที่พยายามบิดเบือนทิศทางข่าวจนเกินพอดี เช่น บริษัทที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน ก็ยังดันทุรังเลือกพาดหัวเฉพาะมุมที่มีกำไร เอาเป็นว่าอ่าน “ฐานเศรษฐกิจ” ของเจ๊เมาธ์นี่ ดีที่สุดแล้วค่า
@@@ หุ้นโรงกลั่นน้ำมันในไตรมาสที่ 1/63 ทั้งกลุ่มพากันขาดทุนป่นปี้ ไม่ว่าจะเป็น TOP PTTGC IRPC BCP SPRC และ ESSO โดยรายที่ขาดทุนมากที่สุดคือ TOP ซึ่งขาดทุนไปถึง 1.37 หมื่นล้านบาท และรายที่ขาดทุนน้อยที่สุดคือ BCP ขาดทุนไป 4.66 พันล้านบาท สิริรวมทั้งสิ้นในไตรมาสที่ 1/63 โรงกลั่นน้ำมัน 6 แห่งในประเทศไทย ขาดทุนรวมกัน 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน กำไรรวมของโรงกลั่นทั้ง 6 ทั้งปี 62 มีอยู่เพียงแค่ 1.26 หมื่นล้าน
@@@ และเมื่อเอาตัวเลขการขาดทุนรวมไตรมาส ที่ 1/63 มาเป็นตัวตั้ง แล้วเอาปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นจากโรคโควิด-19 มาประกอบเข้าไปด้วย ก็จะเห็นได้ว่าโอกาสที่หุ้นโรงกลั่นเหล่านี้จะพลิกฟื้นขึ้นมาด้วยเรื่องของปัจจัยพื้นฐานในระยะเวลาอันใกล้นี้ อยู่ห่างไกลจากความเป็นจริงเป็นอันมาก คำพูดที่โดนกรอกหูว่าให้ไปดูไตรมาสที่ 2/63 หรือที่บอกว่าจะฟื้นในไตรมาสที่ 2/63 จึงเป็นแค่คำพูดสวยๆ ที่เอาไว้หลอกเด็ก...หรือพูดในเวลาที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเท่านั้นเองค่ะ
@@@ มาทางหุ้นโรงไฟฟ้า GULF BGRIM GPSC EA แล้วก็ SUPER ทุกรายเขามีกำไรดีๆ ทั้งนั้นนะคะ ดูอย่างทาง GPSC SUPER แล้วก็ EA ทั้ง 3 รายนี้ เขามีกำไรสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าจะมี GULF ของ “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี แค่รายเดียวที่แหกคอกออกมาขาดทุนถึง 413 ล้านบาท เหตุผลง่ายๆ ก็บอกว่า ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งที่จริง ๆ แล้ว GULF มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ถึง 925 ล้านบาทว่างั้น...โถ่ๆๆ ขาดทุนมันก็คือขาดทุนนะคะเสี่ยกลางเจ้าขา จะขาดทุนจากอะไรก็ถือว่าขาดทุนทั้งนั้นหละค่า ไม่เป็นไร...ทำใจให้สบายนะค่ะเสี่ยขา
>>> เหมือนกันกับทาง BGRIM ของคุณพี่ “ปรียนาถ สุนทรวาทะ” ที่ไตรมาสนี้เข็นกำไรออกมาได้แค่ 80.7 ล้านเท่านั้น ในขณะที่บริษัทฯ เองก็มีกำไรจากผลการดำเนินงานสูงถึง 1,158 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่กำไรของ BGRIM หดลงไปขนาดนี้ ก็ได้ข่าวว่าขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไปมากถึง 886 ล้านบาทด้วยค่ะ บริษัทที่ไปลงทุนในต่างประเทศ ด้วยเม็ดเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน...แต่กลับต้องมาขาดทุนกับอัตราแลกเปลี่ยนแบบนี้ มันฟังไม่ขึ้นยังไงก็ไม่รู้ค่ะ ถ้าจะขาดทุนก็น่าจะหาเหตุผล ที่มันฟังดูแล้วสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทข้ามชาติบ้างนะคะคุณพี่ปรียนาถเจ้าขา
@@@ ส่วนทาง CRC โคตรหุ้นจากตระกูล “จิราธิวัฒน์” พอเจ๊เมาธ์ได้เห็นผลการดำเนินงาน 1/63 ที่ออกมาแค่ 742 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 61% (1,925 ล้านบาท) เจ๊ก็ได้แต่ถอนหายใจว่า เฮ้อ...ความหวังที่จะได้เห็นราคาหุ้นของ CRC วิ่งกลับไปเท่าราคา IPO 42 บาท ตามที่ บล.บัวหลวง เคยให้เป้าไว้ ก็ห่างออกไปอีกแล้วสิน่า ต่อจากนี้ไปไอ้ประเภทของใหญ่ๆ แต่หาความมันส์สสสไม่ได้นี้ เจ๊จะห่างไปให้ไกลๆ เลยค่ะ
@@@ อูย!!! หุ้นเล็กต่ำบาท หรือ 5 ตัว 10 บาท เล่นดี๊ดี สลับเก็งกำไรแทนหุ้นใหญ่ราคาเต็มมูลค่าหลายตัว ซื้อแล้วราคาไม่ไปไหน หรือไม่มีฝรั่งมาต่อยอด เจ๊เมาธ์ว่า หุ้นเล็กช่วงนี้ดูเท่ห์หลายตัว ตัวที่เข้าตาเจ๊เมาธ์ เห็นๆ ก็มี APURE กำไรไตรมาสเดียว 82 ล้านบาท ราคาหุ้นมาไกลได้ขนาดนี้ 1.50 บาท เจ๊ยอมค่ะ เจ้าของ “เสี่ยแอร์โรซอฟ-โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ” แถมปันผลระหว่างกาลไตรมาส 1 ให้อีก 5 สตางค์ ยอมใจเสี่ยเลยนะคะ
@@@ ส่วน อควา คอร์เปอเรชั่น ( AQUA ) ไม่ตกเทรนหุ้นเล็ก ราคาขยับขึ้นมาเบาๆ ต้อนรับ “ฉาย บุนนาค” เข้ามาเป็นกรรมการใน AQUA ค่ะ นอกจากบริษัทนี้จะมีรายได้โตขึ้นเรื่อยๆ แตะ 500 ล้านบาท ไม่รู้ว่า พ่อมดน้อยการเงิน มีแผนพัฒนาอควา ยังไงขอให้ติดตามกันยาวๆ นะคะ
@@@ ข่าวใหญ่ทิ้งท้ายสัปดาห์นี้ เจ๊ขอยกให้ EA- NEX ค่ะ จับคู่แมทได้ลงตัว ผลประโยชน์วิน-วิน กันทั้งคู่ EA ส่งบริษัทลูกเข้าถือหุ้น NEX 40% ไม่นับรวมที่ “พรเลิศ เตชะรัตโนภาส” ถือนำไปล่วงหน้าแล้วกว่า 6% เบ็ดเสร็จกลุ่ม EA ถือไปร่วมๆ 47% ธุรกิจแบตเตอรี่ เขาได้ดีกับรถประกอบของ NEX … ข่าวดีขนาดนี้ จัดไปเลยค่ะ 5 ซิลลิ่ง เจ๊เมาธ์ ยอมให้อีกตัวค่ะ