เดวิด เทปเปอร์-สแตนลีย์ ดรักเค็นมิลเลอร์ สอง “ขาใหญ่” ที่กระตุกหนวดทรัมป์

15 พ.ค. 2563 | 00:50 น.

การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงในช่วงสองวันมานี้ (13 -14 พ.ค.) นอกจากจะเป็นเพราะถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเผชิญกับความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงสูงว่าจะเป็นช่วงขาลง ผนวกกับข้อมูลของกระทรวงแรงงานที่เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์แล้ว ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ “นักลงทุนรายใหญ่” อย่างน้อย 2 รายออกมาตั้งคำถามถึงภาวะฟองสบู่ในตลาด พวกเขาระบุว่า “ตลาดหุ้นเวลานี้มีมูลค่าสูงเกินจริง” ในเวลาไล่เลี่ยกัน

 

สภาวะตลาดหุ้นถึงกับทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาทวีตเตือนว่า นักลงทุนประเภท “มหาเศรษฐี” บางคนกำลังปั่นหุ้น ด้วยการกล่าวแสดงความเห็นที่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกหวังเก็งกำไรครั้งใหญ่ แม้ไม่มีการเอ่ยชื่อว่า “ขาใหญ่” ในตลาดหุ้นคือใคร แต่เชื่อว่าความเคลื่อนไหวของทรัมป์นอกจากเป็นการเตือนนักลงทุนแล้ว ยังส่งสัญญาณเตือนบรรดาขาใหญ่ให้เพลา ๆ ปากอีกด้วย

เดวิด เทปเปอร์ ให้สัมภาษณ์รายการข่าวของซีเอ็นบีซี

13 พ.ค. ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีท ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. หลังจากที่ประธานเฟดออกมาให้ความเห็นข้างต้น ตอกย้ำซ้ำให้เซหนักขึ้นด้วยความเห็นของนักลงทุนขาใหญ่ในตลาดอย่าง นายเดวิด เทปเปอร์ ที่ให้สัมภาษณ์รายการข่าวของซีเอ็นบีซีว่า การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ณ ช่วงเวลานี้เป็นเรื่องที่ “โหดมาก” ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าบรรดาธนาคารมีแนวโน้มหั่นเงินปันผลลงมา

 

นายเดวิด เทปเปอร์ เป็นนักลงทุนประเภทมหาเศรษฐีหมื่นล้าน(ดอลล์) เจ้าของสโมสรอเมริกันฟุตบอล “แคโรไลนา แพนเธอร์ส” และผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ (Appaloosa Management) ที่บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์มูลค่ากว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.18 แสนล้านบาท) เขากล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ทั้งนี้ ค่า Forward P/E ratio อิงตามการประเมินสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นเหนือระดับ 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002

 

"ตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริงมากเป็นอันดับสองเท่าที่ผมเคยเห็นมา ซึ่งเป็นรองเพียงในปี 1999 ซึ่งเป็นยุคที่เกิดฟองสบู่ดอตคอม โดยตลาดมีมูลค่าสูงมาก ขณะที่เฟดได้อัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าตลาด" เทปเปอร์ให้สัมภาษณ์รายการ Halftime Report สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา “ตลาดยังมีสภาพคล่องสูงมาก ตราบเท่าที่เฟดยังพร้อมอัดฉีดเงินเข้ามา” แต่เขายังค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับสัดส่วนของอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ซึ่งแตกต่างไปจากความเห็นของเขาเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมหลังจากตลาดหุ้นดีดตัวขึ้น ในตอนนั้นเทปเปอร์ระบุว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โรงพยาบาล และบริการด้านสุขภาพนั้นน่าสนใจ แต่ตอนนี้มูลค่าหุ้นในตลาดนั้นสูงเกินไปในภาพรวม และหุ้นบางตัวในดัชนีแนสแดค (Nasdaq) ก็สูงเวอร์ เทปเปอร์ยังให้ความเห็นทุบหุ้นกลุ่มธนาคารและสายการบินว่าเป็นกลุ่มที่ยากจะลงทุนในช่วงเวลานี้   

อ่านเพิ่มเติม ดาวโจนส์ปิดร่วง 516 จุด หลัง"พาวเวลล์"เตือนศก.สหรัฐเสี่ยงเผชิญช่วงขาลง 

สแตนลีย์ ดรักเค็นมิลเลอร์ อดีตหัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ “พ่อมดการเงิน” จอร์จ โซรอส

ความเห็นของเทปเปอร์สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับ นายสแตนลีย์ ดรักเค็นมิลเลอร์ ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ Duquesne Capital Management มหาเศรษฐีระดับ 4,600 ล้านดอลลาร์จากการจัดอันดับของฟอร์บส์ในปีที่ผ่านมา ดรักเค็นมิลเลอร์เป็นอดีตหัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ “พ่อมดการเงิน” นายจอร์จ โซรอส  เขาออกมาแสดงความเห็นต่อสมาชิกของ Economic Club of New York เมื่อวันอังคาร (12 พ.ค.) ว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นมีมูลค่าเกินความเป็นจริงมากเป็นประวัติการณ์ และอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนก็ดูจะย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา

 

“ไพ่ใบสำคัญก็คือ เฟดสามารถเข้ามาซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นได้ตลอดเวลา” ดรักเค็นมิลเลอร์มองว่า ปัญหาก็คือนักลงทุนยังเชื่อมากเกินไปว่ามีเฟดหนุนหลัง แต่เขากลับมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่รัฐบาลนำออกมาใช้ ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

“โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นแค่การผสมผสานกันระหว่างการจ่ายเงินโดยตรงให้กับประชาชน และดูจะเป็นการจ่ายให้พวกเขาไม่ทำงานมากกว่าจะจ่ายเพื่อให้พวกเขาทำงาน และนอกเหนือไปกว่านั้นก็คือ มีการจ่ายเงินจำนวนมากให้กับบริษัทซอมบี้ ที่ความจริงควรจะตายไปได้แล้ว แต่รัฐก็ยังพยายามช่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป”

 

ดรักเค็นมิลเลอร์เชื่อว่า สภาพคล่องในตลาดที่ถูกอัดฉีดเข้ามา กำลังจะเหือดแห้งในเร็วๆ นี้ เขามองว่าความเสี่ยงในการถือครองหุ้น ณ เวลานี้สูงกว่าผลตอบแทนที่น่าจะได้ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ก่อนหน้านี้ เขาเคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า การล้มละลายในแวดวงธุรกิจของสหรัฐฯกำลังตั้งเค้าให้เห็น และเขาก็หวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เขาคิดไว้จะไม่เป็นจริง นั่นก็คือเขาคิดว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลายในลักษณะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นกราฟรูปตัววี (V) นั้นเป็นเรื่อง “เพ้อฝัน” หรือ แฟนตาซีล้วน ๆ  

 

ดรักเค็นมิลเลอร์ยังมองว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมากเกินไปต่อข่าวความคืบหน้าของการผลิตยาเรมเดซิเวียร์ ( remdesivir)  ซึ่งเป็นยาแอนตี้ไวรัสของบริษัท กิเลียด ไซเอินซ์ (Gilead Sciences) ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

อ่านเพิ่มเติม ขุนคลังสหรัฐออกโรง หลังปธ.เฟดแถลงฉุดตลาดหุ้นดิ่งหนัก

ความคิดเห็นของนักลงทุนขาใหญ่ทั้งสองคนนี้มีขึ้นท่ามกลางบริบทที่บรรดาผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลายเริ่มวิตกว่า มาตรการของเฟด รวมทั้งแพ็คเกจเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ 3 ล้านล้านดอลลาร์ที่กระทรวงการคลังอัดฉีดเข้ามา อาจจะไม่เพียงพอที่จะต้านทานผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยังไม่มีแววคลี่คลาย ซ้ำยังทำให้อัตราการว่างงานพุ่งทะยาน และแนวโน้มธุรกิจล้มละลายก็มีมาเป็นระลอก ๆ สภาพของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันนี้จึงแตกต่างไปจากเมื่อเดือนมี.ค.ที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดตัวขึ้นถึง 26% เฉพาะสัปดาห์นี้ ดัชนีดังกล่าวร่วงลงมาแล้ว 3.8% แม้แต่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดยังยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่การตกงานและธุรกิจล้มละลายจะเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และรัฐบาลคงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจในระยะยาว  

ทวิตเตอร์ของทรัมป์เตือนบรรดาแมงเม่า อย่าหลงลมปากพวกเศรษฐีนักปั่นหุ้น

สถานการณ์แบบนี้ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ที่กำลังจะเข้าสู่สนามการเลือกตั้งในช่วงปลายปีนี้เพื่อรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีเอาไว้ ถึงกับเต้น เพราะภาพของชัยชนะบนพื้นฐานของเศรษฐกิจที่มั่นคงแข็งแรงก่อนหน้านี้ได้ถูกไวรัสโควิด-19 เข้ามาปั่นป่วนจนเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. เขาออกโรงเตือนบรรดานักลงทุนว่าให้ระวัง “พวกเศรษฐี” จะใช้ลิ้นปั่นหุ้นทำกำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง  “นักลงทุนประเภทมหาเศรษฐีบางคนกำลังปั่นหุ้น ด้วยการกล่าวแสดงความเห็นที่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก”

 

"เมื่อคนรวยพูดถึงข่าวร้ายในตลาด คุณต้องรู้ว่าพวกเขากำลังเก็งกำไรครั้งใหญ่เพื่อหวังทำเงินจำนวนมากหากหุ้นตก และต่อมาพวกเขาจะพูดถึงเรื่องดีเพื่อดันราคาหุ้นขึ้น พวกเขาทำเงินได้ทั้งสองทาง นี่เป็นเรื่องถูกกฎหมายหรือไม่" ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์ระบุ

 

แม้เขาจะไม่ได้เจาะจงว่า “พวกเศรษฐีนักลงทุน” ดังกล่าวคือใคร แต่การส่งทวิตเตอร์ของทรัมป์ก็มีขึ้นหลังจากที่ ดรักเค็นมิลเลอร์และเทปเปอร์ ออกมาแสดงความคิดเห็นและส่งผลกดดันตลาดหุ้นสองวันติดกัน  

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง 

Billionaire investor Stanley Druckenmiller says the stock market's risk-reward is the worst he's ever seen — and downplays the Fed's ability to rescue the economy

Billionaire investor David Tepper says the stock market is the most overvalued in history, barring the tech bubble

Wall Street Heavyweights Are Sounding Alarm About Stocks