กกต.ยกคำร้อง“สุภรณ์”ปมกลั่นแกล้งผู้สมัครภูมิใจไทย

14 พ.ค. 2563 | 12:01 น.

กกต.ยกคำร้อง “สุภรณ์” ไม่ผิดปมกลั่นแกล้งผู้สมัครส.ส.ภูมิใจไทย เชื่อถูกผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลอกได้รับเงินซื้อเสียงเลยร้องคัดค้าน ฟันคดีอาญาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

วันนี้ (14 พ.ค.63) เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.ยกคำร้อง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครส.ส.เขต 10 นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ แต่สั่งดำเนินคดีอาญากับ น.ส.ลักษมีกานต์ วาจาสิทธิ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

จากกรณีหลังการเลือกตั้ง นายสุภรณ์  ได้ยื่นร้องคัดค้านโดยอ้างว่าในวันที่ 24 ก.พ.62 น.ส.ลักษมีกานต์ ได้รับเงินจำนวน 200 บาท จากการไปฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่บริเวณเทศบาลตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา และในวันที่ 21 มี.ค.62 ได้รับเงินจากหัวคะแนนของนายพรชัย อำนวยทรัพย์ ผู้สมัครส.ส.หมายเลข 3 พรรคภูมิใจไทย

แต่จากการไต่สวนของ กกต. น.ส.ลักษมีกานต์ ให้ถ้อยคำว่าไม่ได้ไปฟังการปราศรัยหาเสียงและไม่ได้รับเงินตามคำร้อง ส่วนภาพถ่ายเงินจำนวน 200 บาท และ 500 บาท ถ่ายภาพจากเงินของตัวเองแล้วส่งไปให้กับนายธวัชชัย ลาภกระโทก ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากนายธวัชชัย แจ้งว่าหากมีข้อมูลเกี่ยวกับการแจกเงินของผู้สมัครรายใดให้นำมาแจ้งจะมีค่าตอบแทนให้

ขณะที่นายสุภรณ์ และนายธวัชชัย ให้ถ้อยคำสอดคล้องกัน ว่านายสุภรณ์ ได้รับแจ้งจากนายธวัชชัย โดยได้แสดงข้อความการสนทนาในแอพพลิเคชั่นไลน์ระหว่างนายธวัชชัย และ น.ส.ลักษมีกานต์ และคลิปวีดีโอการปราศรัยหาเสียงของผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย จึงเชื่อตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง และนำเรื่องมายื่นร้องคัดค้าน ประกอบกับไม่มีพยานยืนยันว่า นายสุภรณ์ และนายธวัชชัย เป็นผู้ก่อสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ น.ส.ลักษมีกานต์ กระทำการดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่านายสุภรณ์ และนายธวัชชัย กระทำผิด

ส่วน น.ส.ลักษมีกานต์ ยอมรับว่าตนเองได้จัดทำพยานหลักฐานเป็นเท็จเพื่อประสงค์ได้ค่าตอบแทน และย่อมเล็งเห็นว่านายสุภรณ์ และนายธวัชชัย จะนำพยานหลักฐานดังกล่าวไปใช้ในการยื่นคำร้องกล่าวหานายพรชัย จึงฟังได้ว่า น.ส.ลักษมีกานต์ กระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง แกล้งให้ผู้สมัครผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพื่อไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั้ง จึงให้ดำเนินคดีอาญาเฉพาะ น.ส.ลักษมีกานต์ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 143


 

นอกจากนี้ กกต.ยังมีคำวินิจฉัยยกคำร้องนายโกเมนทร์ ฑีฆธนานนท์ ผู้สมัครส.ส.เขต 1 อุดรธานี พรรคพลังประชารัฐ แต่ให้มีการดำเนินคดีอาญากับนางวรรณี ขจรเดช ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จากกรณี นายโกเมนทร์ ถูกร้องว่ารู้เห็น สนับสนุนให้นางวรรณี นำเงิน 1,500 บาท ไปแจกจ่ายให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนละ 500 บาท เพื่อให้ลงคะแนนเสียงให้กับตน โดยมีคลิปวีดีโอบันทึกภาพการจ่ายเงิน 3 เหตุการณ์ในวันที่ 18-20 มี.ค.62 เป็นหลักฐาน

ซึ่งจากการไต่สวนของกกต. แม้นางวรรณี ปฏิเสธ ไม่ได้รับเงินจากบุคคลใดมาแจกให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อลงคะแนนให้นายโกเมนทร์ แต่ก็ไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุน กกต.จึงถือว่ามีน้ำหนักน้อยไม่น่าเชื่อถือ การกระทำของนางวรรณีจึงเข้าข่าย ให้ เสนอให้ทรัพย์สินประโยชน์อื่นใด จูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนให้กับนายโกเมนทร์ ฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งมาตรา 73 วรรคหนึ่ง(1)

 ส่วนนายโกเมน จากการตรวจสอบคลิปวีดีโอหลักฐาน และไต่สวนพยานในเหตุการณ์ตามคลิปวีดีโอมีเพียงการบอกเล่า ว่ามีการแจกเงินซื้อเสียงโดยตัวแทนหัวคะแนนของนายโกเมนทร์ แต่ไม่มีใครยืนยันว่านางวรรณีเป็นหัวคะแนนของนายโกเมนทร์ และนายโกเมนทร์ รู้เห็นสนับสนุนการกระทำของนางวรรณี พยานหลักฐานจึงยังฟังไม่ได้ว่านายโกเมนทร์ กระทำผิดกฎหมาย จึงสั่งให้ดำเนินคดีอาญาเฉพาะนางวรรณีตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 วรรคหนึ่ง(1)