THG โชว์รายได้ไตรมาสแรก 1,940 ล้านบาท 

14 พ.ค. 2563 | 07:50 น.

THG ไตรมาสแรกทำรายได้รวม 1,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% เหตุรายได้โรงพยาบาลน้องใหม่หนุน -การรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนโรงพยาบาล Welly Hospital ในจีน

 


นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 ยังสามารถรักษาการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด COVID-19  ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและอุปสรรคต่อการเดินทางระหว่างประเทศ

โดยภาพรวมการดำเนินงานเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวนับจากครึ่งเดือนหลังของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 1,872 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท

ปัจจัยการเติบโตในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเกิดจากการดำเนินงานของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังเปิดให้บริการศูนย์การรักษาเพิ่มเติมช่วยเพิ่มศักยภาพการให้บริการที่ดีขึ้น และการเปิดให้บริการโรงพยาบาลธนบุรี ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งใหม่ของกลุ่ม THG ขณะที่รายได้จากโรงพยาบาลแห่งอื่นๆ อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี 2 ฯลฯ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ มาจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนกิจการร่วมค้าโรงพยาบาล Welly Hospital ในประเทศจีน

รองประธานกรรมการ THG กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าคนไข้จะมีความมั่นใจในการเข้าใช้บริการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย และภาครัฐได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้ธุรกิจบางประเภทกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง น่าจะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประชาชน โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีจากคนไข้ที่มาใช้บริการโรงพยาบาลธนบุรี ในช่วงเดือนพฤษภาคม

ขณะที่การใช้บริการจากคนไข้ต่างชาติที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น หากสถานการณ์โรคระบาดในต่างประเทศคลี่คลาย และเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการเดินทางระหว่างประเทศเนื่องจากประเทศไทยสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดี สะท้อนถึงศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ในภูมิภาคนี้  จึงทำให้ชาวต่างชาติมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย