ตลท. คาด IPO คึกคักไตรมาส 3
ตลท.คาดไตรมาส 3 IPO กลับมาซื้อขาย มองบจ.ยกเลิกปันผลเป็นเรื่องปกติ พร้อมทบทวนต่ออายุมาตรการ Ceiling & Floor และชอร์ตเซลล์ หลังสิ้นสุดเดือนมิถุนายนนี้ เผยหุ้นไทยเดือนเมษายน 2563 ฟื้น ปรับเพิ่มขึ้น 15.6% สูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คาดจะเห็นการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างมีความชัดเจน โดยปัจจุบันแต่ละบริษัทที่เตรียมตัวเริ่มกลับมาดำเนินการขอเข้าซื้อขายบ้างแล้ว ขณะที่ กรณีบางบริษัทยกเลิกการจ่ายเงินปันผลนั้น เป็นสิ่งปกติที่บริษัททำเมื่อเจอภาวะวิกฤต เพื่อสำรองเงินในยามฉุกเฉิน ด้านบริษัทที่ประสบปัญหานำเงินมาจ่ายหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดนั้น ทางภาครัฐและเอกชนได้เตรียมช่วยเหลือไว้แล้ว เช่น กองทุน BSF เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังเดือนมีนาคมมีนักลงทุนเปิดบัญชีใหม่กว่า50,000 บัญชี มาจากนักลงทุนเริ่มเห็นการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มมีความเหมาะสม เนื่องจากต้นทุนต่างๆ ถูกปรับลดลงจากช่วงปลายปีก่อนประมาณ 30-40% มองเป็นโอกาสสำหรับต้นทุนที่ดี โดยความผันผวนเริ่มกลับมาชะลอตัวลงสะท้อนจากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 16-17% ขณะเดียวกัน หลังจากรัฐบาลเริ่มผ่อนคลาย Lockdown ให้ภาคธุรกิจทยอยกลับมาดำเนินกิจการนั้นจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจกับมาเติบโต แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสด้วย เพื่อป้องกันการระบาดรอบ 2
สำหรับมาตรการ Ceiling & Floor และชอร์ตเซลล์ที่เริ่มปรับใช้ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนนี้ อยู่ระหว่างพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียว่าจะต่ออายุหรือไม่ อย่างไร โดยจะต้องหารือภายในก่อน (Gearing) ซึ่งหากจะขยายเวลาต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และประกาศก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยสิ้นเดือนเมษายน 2563 ปรับเพิ่มขึ้น 15.6% ปิดที่ 1,301.66 จุด จากสิ้นเดือนก่อนหน้า สูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย หลังจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่วนมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และmai อยู่ที่ 68,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2562 ด้านนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 46,782 ล้านบาทเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดในเอเชีย โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มทรัพยากรกลุ่มบริการ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าดัชนีหุ้นไทย
