นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2563 ว่า บริษัท มีเบี้ยประกันภัยต่อรับรวม 520 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 527 ล้านบาท ลดลง 8% ตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรมประกันชีวิต อันเป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอลง รวมทั้งการบริหารจัดการ Portfolio เพื่อควบคุมอัตราส่วนสินไหมทดแทนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งบริษัท ได้พิจารณายกเลิกสัญญาบางส่วนที่อาจจะส่งผลขาดทุนในอนาคต
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและค่าใช้จ่ายดำเนินงานอยู่ที่ 502 ล้านบาท ลดลงราว 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการลดลงของค่าสินไหมทดแทน และค่าบำเหน็จ ขณะเดียวกันบริษัท มีรายได้จากการลงทุนสุทธิลดลง 60% จากช่วงเดียวกันปีก่อนเหลือราว 9 ล้านบาท จากผลกระทบอย่างรุนแรงของวิกฤติ COVID-19 ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเกิดความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ บริษัท มีกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 1 ปี 2563 เหลือราว 29 ล้านบาท
นายสุทธิ บอกเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างหาพันธมิตรรายใหม่ๆ ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ หวังเพิ่มสัดส่วนธุรกิจประกันชีวิตประเภทร่วมพัฒนา (Non-conventional Reinsurance) ให้สูงขึ้นเป็น 60% ภายในระยะเวลา 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 42 : 58 เมื่อเทียบกับธุรกิจประกันชีวิต ประเภทดั้งเดิม (Conventional Reinsurance) พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อผลักดันอัตรากำไรให้เพิ่มสูงขึ้น สร้างการเติบโตที่มั่นคงต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัท เตรียมจ่ายเงินปันผล 13 สตางค์ต่อหุ้น ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่งผลให้การจ่ายปันผลรวมทั้งปี 2562 แตะ 26 สตางค์ต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 9.4% สูงสุดในอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่เฉลี่ย 3-5%