นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟสบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala เกี่ยวกับปัญหาบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) ที่อาจส่งผลกระทบกับสหรกรณ์ต่างๆที่ซื้อหุ้นกู้ของการบินไทยก่อนหน้านี้ โดยอ้างข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่งที่มียอดคนติดตาม ณ วันที่ 11 พ.ค. ไม่ถึง 1 พันคน ที่ระบุว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นเจ้าหนี้หุ้นกู้การบินไทย 74 แห่ง วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท จะได้รับผลกระทบหากการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูในชั้นศาล
อย่างไรก็ตามนายธีระชัยไม่ยืนยันว่าข้อมูลเขานำมาโพสต์อ้างอิงนั้นเป็นเรื่องจริง ดังนี้
ผมได้ข้อมูลภาพข้างล่าง แต่ยังไม่สามารถยืนยัน ปรากฏว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์ของพนักงานในหลายองค์กร ที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ใน บริษัทการบินไทยระบุว่าเป็นจำนวนเงินรวมกัน 3.6 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้ มีสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงาน ธปท. 727 ล้านบาท ลำดับที่ 14 ซึ่งอาจจะเป็นที่สนใจของคณะกรรมการกำกับกองทุน BSF
ถามว่า ถ้าหากสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหลายต้องขาดทุน สังคมควรจะช่วยเหลือชดเชยให้หรือไม่?
การออมเงินที่รัฐบาลเป็นประกันมีแต่ในแบงค์รัฐ ส่วนการออมในแบงค์พาณิชย์ มีระบบประกันเงินฝากรองรับ
แต่ตลาดตราสารหนี้เป็นตลาดที่ผู้ออมเชื่อมโยงกับผู้ใช้เงินที่ออกตราสารหนี้เอง และผู้ออมทำหน้าที่พิจารณาระดับความเสี่ยงเอง จึงเป็นการลงทุนแบบ high risk high return และที่ผ่านมาผู้ลงทุนก็ได้รับดอกเบี้ยในระดับสูงไปเรียบร้อยหลายปีแล้ว
นอกจากนี้ การตัดสินใจลงทุนก็ดำเนินการโดยคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งย่อมมีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง ดังนั้น สังคมส่วนใหญ่ก็คงจะประสงค์ให้ผู้ลงทุนรับความเสี่ยงเอาเอง แทนที่จะใช้ภาษีของประชาชนส่วนรวม
อย่างไรก็ดี ถ้าหากรัฐบาลเกิดอยากจะช่วยเหลือสหกรณ์ออมทรัพย์ ก็ย่อมมีสิทธิที่จะคิดใช้ภาษีของส่วนรวม เพื่อคุ้มครองหรือชดเชยแก่นักลงทุนกลุ่มใดก็ได้แต่ก็ต้องเสนอให้รัฐสภาพิจารณา และต้องชี้แจงเหตุผลแก่ประชาชนให้ชัดเจน รวมทั้งต้องพร้อมจะรับผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
อย่างไรก็ดี สำหรับ ธปท. ซึ่งอาจมีผู้บริหารบางราย ที่มีผลประโยชน์กับสหกรณ์ออมทรัพย์ จำเป็นต้องระวังมิให้เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ หรือฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยความผิดพนักงานองค์การของรัฐ ในการทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยมิชอบ
วันที่ 11 พฤษภาคม 2563
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ