แม้การแพร่ระบาดของไวรัสจะควบคุมได้ดีขึ้น และโรงแรมต่างๆอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์เพื่อวางแผนทยอยกลับมาเปิดให้บริการใหม่ แต่ก็คงไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันที เพราะคนระมัดระวังการเดินทาง และให้ความสำคัญด้านความสะอาดและสาธารณสุขเป็นเรื่องสำคัญ นี่เองจึงทำให้ขณะนี้กลุ่มเชนโรงแรมใหญ่ของไทย กำลังสร้างมาตรฐานบริการใหม่ ปรับตัวไปสู่ ‘New Norm’ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว รองรับการทยอยกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่าหลังจากประกาศหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราวเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลุ่มดุสิตธานีมิได้อยู่เฉย แต่เร่งปรับปรุงสถานที่และเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดรับลูกค้าอีกครั้ง พันธกิจสำคัญ หลังจากบทเรียนวิกฤติโควิด คือ การสร้างสมดุลของการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการให้บริการด้วยความปลอดภัยภายใต้มาตรฐานใหม่ (New Norm) เน้นเรื่องของสุขภาพความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน
ได้แก่การคัดกรอง การเว้นระยะห่าง และการลดการสัมผัสทั้งในส่วนของร้านอาหารและโรงแรม ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ จะถูกดูแลควบคุมด้วยระบบติดตามข้อมูล และมาตรการดูแลความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคอย่างเข้มขึ้น เพื่อสร้างเป็นมาตรฐานใหม่ออกมา รองรับและดูแลลูกค้าทุกคนให้มั่นใจในบริการ
ด้านโรงแรมเครืออนันตรา ของไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ Mint ซึ่งมีปัจจุบันแบรนด์อนันตรามีโรงแรมในเครือ 41 แห่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ขณะนี้กลับมาเปิดแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ อนันตรา ประเทศเวียดนาม รองรับคนเวียดนามเที่ยวในประเทศ ในไทย เพิ่งเปิดบริการเฉพาะห้องอาหาร 2 โรงแรม คือ อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯแต่ยังไม่ได้เปิดให้เข้าพัก
ทั้งอนันตรายังได้ประกาศแผนการมาตรการด้านสุขภาพและสุขอนามัย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสุขภาพและความปลอดภัย เพื่อกำกับดูแลการพัฒนาและเปิดตัวของมาตรการใหม่ในชื่อ ‘พักอย่างสบายใจ’ (Stay with Peace of Mind) โดยเพิ่มมาตรการสูงสุดในด้านสุขอนามัย
โรงแรมทุกแห่งจะมี “ผู้พิทักษ์แขก” รับผิดชอบตรวจสอบภายในตามมาตรฐานอันเข้มงวดของแบรนด์ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหลายหน่วยงาน รวมถึง อีโคแล็บ และ ไดเวอร์ซี่ ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการทำความสะอาดและสุขอนามัย การยกระดับมาตรการด้านสุขอนามัย และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโควิด และแบคทีเรียอื่น ๆ ทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะและห้องพัก เน้นแนวทางแบบองค์รวม 360 องศา การดูแลสุขภาพอนามัยยังจะครอบคลุมไปถึงการปฏิบัติงานด้านหลังบ้านทั้งหมด
การให้บริการลูกค้าในทุกจุด ก็จะเน้นเรื่องของระยะห่าง การปรับอากาศ หรือเทคโนโลยี HAVC มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการกรองอากาศ เริ่มที่โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท ก่อนจะขยายสู่โรงแรมอนันตราแห่งอื่นๆ ทุกแห่ง
ส่วนโรงแรมเครือออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ของกลุ่มอิตัลไทย 52 แห่งใน 7 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก และอยู่ในไทย 31 แห่ง ซึ่งในไทยปิดให้บริการชั่วคราวไป 15 แห่ง แต่ทั้งหมดจะกลับมาเปิดให้บริการใหม่ในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้
ทั้งขณะนี้ยังได้เปิดตัวโครงการ“ออนิกซ์ คลีน” ที่จะนำมาใช้ในโรงแรมทุกแห่งในเครือ ภายใต้แบรนด์อมารี,โอโซ่ และชามา รวมถึงโรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ โครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่ลูกค้าเดินทางมาถึงโรงแรมจนถึงวันเดินทางกลับ ด้วยมาตรฐานและขั้นตอนการปฏิบัติงานฉบับปรับปรุงล่าสุด ซึ่งจะมีรายละเอียดข้อกำหนดที่ครอบคลุมดูแลรักษาสุขอนามัยทุกขั้นตอน ทั้งในพื้นที่ลูกค้าใช้บริการ พื้นที่ในส่วนสำนักงานของโรงแรม และโรงแรมแต่ละแห่งจะมีการแต่งตั้งผู้นำโครงการนี้ เพื่อดำเนินการตามมาตรการและตรวจสอบการดำเนินงานตามมาตรฐานที่จัดทำขึ้น โดยใช้แนวทางการตรวจสอบร่วมกับอีโคแล็บ
นายดักลาส มาร์เทล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (new norms) และมุ่งสนใจด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ออนิกซ์ฯจึงต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ที่จะกลับมาใช้บริการอีกครั้ง โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของแขกผู้เข้าพักเป็นอันดับแรก
สำหรับโรงแรมในเครือเซ็นทารา ปัจจุบันเปิดให้บริการ 3 โรงแรมจากทั้งหมด 74 แห่งทั่วโลก ได้แก่เซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทารา เวสต์เบย์ เรสซิเดนซ์และสวีท โดฮา และเซ็นทารา มัสกัต โอมาน โดยมีมาตรการในการให้บริการโดยให้ความสำคัญด้านสาธารณสุขใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ตรวจเช็กอุณหภูมิลูกค้า ตามทางเข้าออกของโรงแรม 2. เตรียมเจลฆ่าเชื้อไว้ในจุดบริการต่างๆ ทั่วโรงแรม โดยเฉพาะจุดสัมผัสสาธารณะ อาทิ บริเวณล็อบบี้ หน้าลิฟต์โดยสาร ฯและมีการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในลิฟต์โดยสารทุกชั่วโมง 3. ในห้องพักเมื่อแขกเช็กเอาต์ จะมีการพ่นน้ำยายาเชื้อ และทำความสะอาดคีย์การ์ด และ 4. เช็กประวัติการเดินทางของแขกก่อนเข้าพัก
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,573 วันที่ 10-13 พฤษภาคม 2563