นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2563 จากจำนวนตัวอย่างจากประชาชนทั่วประเทศ 2,241 คน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2563 อยู่ที่ระดับ 47.2 ลดลงจากเดือนมีนาคม 2563 ที่อยู่ในระดับ 50.3 ซึ่งเป็นติดลบต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 259 เดือน หรือ 21 ปี 7 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 39.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวจากการปิดกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ระดับ 46.0 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 56.4 อย่างไรก็ดี เป็นผลมาจากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจและรายได้โดยรวมรวมไปถึง การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสถานการณ์ ส่งผลให้เกิดการปิดกิจการ ยกเลิกการรจ้างงาน มีแรงงานตกงาน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมทั้งมีการขยายระยะเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 1 เดือน
นอกจากนี้ ยังกังวลสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรและการหารายได้ของประชาชน ทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ มีผลต่อรายได้และกำลังซื้อ ขณะที่ ปัจจัยบวกที่กระทบ เช่น มาตรการเยียวยาจากผลประทบโควิด-19 ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ การส่งออกเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี คาดเศรษฐกิจในครึ่งแรกของปี 2563 น่าจะติดลบ -8 ถึง -10% ซึ่งเป็นการเข้าสู่สภาวะถอถอยในเชิงเทคนิค
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 น่าจะติดลบหนักที่สุดกระทบยาวถึงไตรมาส 3 และคาดว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกได้ในไตรมาส 4 โดยทั้งปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะติดลบ 3 ถึง ติดลบ 5 โดยเป็นผลมาจากการจับจ่ายใช้สอยมีความชะลอตัว ซึ่งหากมีการรีสตาร์ทธุรกิจได้เร็วจะช่วยชะลอการปลดคนงานได้ดีและจะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจมากจนเกินไป นอกจากนี้ คาดว่าการคลายล็อกดาวน์รอบแรกจะทำให้เม็ดเงินหมุนกลับมาในประเทศประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 6-9 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ขณะที่การคลายล็อกดาวน์รอบ 2 ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม นี้จะทำให้มีเงินเติมเข้ามาในระบบอีก 6-8 พันล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อเดือน
"การรีสตาร์ทธุรกิจ ส่งผลต่อธุรกิจ การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ มาตรการช่วยเหลือของรัฐ การกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านการลงทุน จะส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เพราะจากปัญหาปัจจุบัน การล้อกดาวน์ทำให้เม็ดเงินหายไปจากระบบวันละ 10,000 ล้านบาท จากการชะลอจับจ่ายของประชาชนในทุกกลุ่มสินค้า การท่องเที่ยว สินค้าจำเป็น สินค้าฟุ่มเฟือย”
สำหรับแนวโน้มการปลดล็อกให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นสัญญาณที่น่าจะเกิดขึ้นได้ในไตรมาส 3 และถ้าสถานการณ์ของการปลอดเชื้อโควิด-19 ในเอเชียและทั้งโลกดีขึ้น คาดว่าไตรมาส 4 นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเริ่มกลับมา 6 ล้านคน หรือเดือนละประมาณ 2 ล้านคนขึ้นอยู่กับมาตรการของรัฐ โดยจะทำให้การท่องเที่ยวไททยฟื้นเร็วขึ้น