การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 กระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน และทำให้กลไกระบบเศรษฐกิจติดขัดหยุดชะงัก ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์ กลไกสำคัญทางเศรษฐกิจประกอบด้วย 4 ภาคส่วน คือ 1.ภาคครัวเรือน 2.ภาคธุรกิจ 3.ภาคการเงิน และ 4.ภาครัฐ หากพิจารณาทั้ง 4 ภาคส่วน จะเห็นว่ากลไกที่ยังทำงานคือ “กลไกภาครัฐ” ที่ออกมาตรการช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และ “กลไกภาคการเงิน” เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกการไหลของเงินไปสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจอย่างไม่ติดขัดในยามที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังอยู่ในภาวะล็อกดาวน์
ขณะที่ “กลไกภาคครัวเรือน” และ “กลไกภาคธุรกิจ” ต้องประคองตัวไปก่อน เพื่อรอวันที่สถานการณ์โรคระบาดดีขึ้น ฉบับนี้ ผมจะพูดถึง “ภาคธุรกิจ”ที่ต้องก้าวฝ่าวิกฤตินี้ โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่มีกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศว่า จะพอมีไอเดียใดบ้าง ผมขอเสนอแนวทางปกป้องสุขภาพธุรกิจ SMEs เพื่อให้ผ่านวิกฤติ COVID-19 แบ่งเป็น 4 แนวทางคือ
1. เจรจาขอขยายเครดิตเจ้าหนี้การค้า (Account payable: AP) ออกไป จะสามารถช่วยธุรกิจของท่านพอมีสภาพคล่องมาชดเชยรายได้ที่หายไปได้ในระยะหนึ่ง ซึ่งจะช่วยได้เท่าไหร่ ผมขอยกตัวอย่าง
โดยนำข้อมูลโครงสร้างการเงินของเจ้าหนี้การค้าและเวลาการให้เครดิตของเจ้าหนี้การค้าของ SMEs มาวิเคราะห์ดูจะพบว่า หากผู้ประกอบการ SMEs สามารถเจรจาขอขยายเครดิตเจ้าหนี้การค้าได้ 10 วัน จะทำให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนกลับเร็วขึ้นมาช่วยชดเชยรายได้คิดเป็นสัดส่วน 20-26% ต่อเดือน
ดังนั้น หากขอขยายเครดิตเจ้าหนี้การค้าได้นานแค่ไหน จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถยืดการจ่ายเงินสดแก่เจ้าหนี้การค้าออกไป ทำให้มีเหลือเงินสดไว้เป็นสภาพคล่องมาหมุนเวียนในธุรกิจเพื่อชดเชยรายได้ช่วงที่ขาดหายไปได้บ้าง บรรเทาผลกระทบธุรกิจได้ในยามที่เงินทุนหมุนเวียนตึงตัวสำหรับฟื้นตัวในที่ไม่นานนี้
2. ปกป้องธุรกิจให้ปลอดเชื้อโรค กล่าวคือ สถานที่ค้าขาย ให้บริการในโรงงาน มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลเรื่องความสะอาด ปลอดเชื้อ เพราะหากภาครัฐคลายล็อกดาวน์ ทุกกิจการกลับมาดำเนินได้อีกครั้ง แต่ปรากฏว่า สถานที่ทำงานของท่าน พบลูกจ้างติดเชื้อเข้า ก็จะส่งผลต่อการดำเนินกิจการของท่านให้หยุดชะงักอีกรอบ และหากลูกค้าท่านทราบเรื่องนี้ ก็จะเกิดภาพจำในหัวว่า สินค้าของท่านมาจากการผลิตของโรงงานที่มีลูกจ้างติดเชื้อ ก็อาจจะทำให้สินค้ายอดขายลดลงได้
3. ทดลองช่องทางการตลาดใหม่ (ออนไลน์) สำหรับผู้ประกอบการที่ยังยึดติดกับการขายแบบเดิมๆ คือ มีหน้าร้าน รอลูกค้ามาซื้อ และมีพนักงานปิดการขาย ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนอยู่บ้าน ท่านก็ขายไม่ได้ สถานการณ์โรคระบาด COVID-19 นี้ มันบีบบังคับให้ท่านต้องแสวงหาช่องทางตลาดใหม่ แน่นอนว่า หนีไม่พ้นช่องทางออนไลน์ ถือว่าช่องทางออนไลน์เป็นช่องที่ “คนที่ไม่เคยลองก็ได้ลอง” เพราะต้องทำเพื่อความอยู่รอด
4. ติดตามมาตรการรัฐว่าช่วยเหลืออะไรบ้าง ในภาวะเช่นนี้ SMEs คงลำบากไปตามๆ กัน อะไรที่ดิ้นรนได้ ผมเชื่อว่า “ทุกคนทำหมด ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องสู้กันต่อไป” สิ่งสำคัญคือ ต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐที่มีต่อ SMEs ในรูปแบบต่างๆ
ผมหวังว่า ทั้งสี่แนวทางข้างต้น จะพอสะดุดความคิดของท่านได้บ้าง และผมขอให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยทุกท่านสามารถฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ไปได้ครับ “ทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาส แต่โอกาสมันไม่ง่าย ต้องหาให้เจอ” ขอเป็นกำลังใจให้ครับ”
คอลัมน์ยังอีโคโนมิสต์
โดย : ธรรมทัช ทองอร่าม
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,572 วันที่ 7 - 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2563