ส.อ.ท.เน้นใช้สินค้าไทยกลยุทธ์ฟื้นฟูหลังโควิด-19

04 พ.ค. 2563 | 01:50 น.

ส.อ.ท.เตรียมแผนฟื้นฟูหลังโควิด-19 เน้นเศรษฐกิจฐานราก ลุยแผนขับเคลื่อน 2 ส่วนอุตสาหกรรมดั้งเดิม 45กลุ่ม 11 คลัสเตอร์เร่งยกระดับใช้สินค้าไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลังโควิด-19 เปิดเผยว่า ทุกประเทศจะหันมาพึ่งพาการผลิตในประเทศมากขึ้น  เนื่องจากระบบการผลิตของโลกจะถูกปฏิวัติใหม่อีกครั้งจากผลกระทบโควิด-19 (COVID-19) เพื่อความมั่นคง  โดยคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการกีดกันทางการค้าสูง  ดังนั้นคณะอนุกรรมการฯจึงเตรียมแผนที่จะขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนดังกล่าวไว้ 2 ส่วน ได้แก่1.อุตสาหกรรมดั้งเดิมซึ่งเป็นสมาชิก ส.อ.ท.45กลุ่มและ11 คลัสเตอร์ และ 2.กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะเกิดขึ้น(S-Curve)

ส.อ.ท.เน้นใช้สินค้าไทยกลยุทธ์ฟื้นฟูหลังโควิด-19

                ทั้งนี้ การพัฒนา 2 ส่วน ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมดั้งเดิมซึ่งเป็นสมาชิก ส.อ.ท.42 กลุ่มและ11 คลัสเตอร์นั้น  ส.อ.ท.จะผลักดันให้เกิดการใช้สินค้าไทย (Made in Thailand) โดยจะเสนอให้ระบบจัดซื้อจัดจ้างโดยกรมบัญชีกลางให้มุ่งเน้นการใช้สินค้าไทยเป็นอันดับแรกก่อน ขณะเดียวกันจะเน้นการพัฒนาห่วงโซ่การผลิต(ซัพพลายเชน)ให้ครอบคลุมการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเพื่อลดการพึ่งพิงชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศโดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาใช้เองแม้ระยะแรกต้นทุนอาจสูงแต่จำเป็นต้องหาแนวทางต่างๆมาส่งเสริมให้เกิดขึ้น และการพัฒนาเกษตรและอาหารที่ไทยมีศักยภาพอยู่แล้วแต่จำเป็นต้องดึงเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้รายได้เกษตรกรสูงขึ้น

                “ภาคเกษตร และอาหารแปรรูปทำให้คนไทยไม่ลำบากในช่วงโควิด-19 ดังนั้น  เราจึงควรเร่งพัฒนาต่อยอดให้รายได้ถึงมือเกษตรกรเพิ่มขึ้น  ขณะที่การส่งออกไทยพึ่งพิงถึง 70% จากนี้ไปต้องปรับลดให้เน้นตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น โดยตลาดสหรัฐและยุโรป หรือแม้กระทั่งจีนเองก็คงไม่ได้ฟื้นง่ายๆและก็คงจะเน้นพึ่งพาตนเองก่อนจึงมองในเรื่องของตลาดอาเซียนที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันที่ยังมีศักยภาพสูง”

2.กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่กำลังจะเข้ามาอย่างรวดเร็วซึ่งประกอบด้วย 5 อุตสาหกรรมหลักได้แก่ 1.อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล ไอที ซึ่งไทยเตรียมที่จะเกิดขึ้นของเทคโนโลยี 5G ที่จะเร่งให้การนำมาใช้ในภาคการค้า บริการ มากขึ้นซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นตัวชูโรงเพราะจากพฤติกรรมการทำงานอยู่บ้าน(Work From Home) ทำให้เกิดการซื้อขายออนไลน์ พฤติกรรมเหล่านี้จะกลายเป็น New Normal  ,2.อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งจากนี้คาดว่าจะมาแรงเพราะหลังจากโควิด-19 จะทำให้ทุกส่วนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น

ส.อ.ท.เน้นใช้สินค้าไทยกลยุทธ์ฟื้นฟูหลังโควิด-19

                ,3.เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งไทยมีโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดดังกล่าวนี้มากขึ้นหลังจากที่ไทยประสบความสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสจนกลายเป็นประเทสอันดับต้นๆ ที่ทั่วโลกยกย่องซึ่งจะเอื้อให้คนไทยสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนี้ที่เป็นแบรนด์ไทยโดยคนไทย  ,4.อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ที่จะมีส่วนสำคัญในการจัดการการขนส่งสินค้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงจากตลาดค้าออนไลน์  และค้าปลีก 5.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) ที่จะพัฒนาเข้ามาเสริมศักยภาพในงานต่างๆ  โดยในช่วงโควิด-19 นักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆได้มีการทำเพื่อช่วยงานของแพทย์พยาบาลทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นโอกาสที่จะพัฒนามาเป็นเชิงพาณิชย์เพื่อบริการคนในประเทศและต่างประเทศได้ในอนาคต
               

ส.อ.ท.เน้นใช้สินค้าไทยกลยุทธ์ฟื้นฟูหลังโควิด-19

“ไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายประเทศต้องทบทวนการผลิตใหม่ที่จะเป็นการผลิตเองมากขึ้น  เพราะจะเห็นว่าหลายประเทศในยุโรปขาดแคลนอาหาร วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากนี้ประเทศต่างๆจะคำนึงถึงคนในประเทศก่อน โดยนโยบายของไทยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมตรีก็มุ่งเน้นเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) เพราะฉะนั้น แผนการฟื้นฟูอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.จะสอดรับกับนโยบายดังกล่าว เพราะคาดว่าโควิด-19 ทั่วโลกน่าจะอยู่ไปอีก1-2 ปี”