กพท.กำหนดเงื่อนไขเครื่องบินขึ้น-ลงสนามบินภูมิภาค

03 พ.ค. 2563 | 08:31 น.

กพท.ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน

          ตามที่ได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2448  (ฉบับที่ 5) ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 โดยในข้อ 2 (3)กำหนดห้ามหรือจำกัดการดำเนินการหรือการทำกิจกรรมบางอย่างตามพระราชกำหนดและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมถึงห้ามผู้ใดใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน เว้นแต่เป็นไปตามประกาศเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศกำหนด
      เพื่อประโยชน์ในการรักษาความต่อเนื่องของการบินพลเรือนและสนับสนุนการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ให้ยังคงดำรงอยู่ต่อไปเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปสู่พื้นที่อื่นและป้องกันมิให้โรคกลับมาแพระบาดใหม่ในพื้นที่ซึ่งเคยควบคุมได้

         วันนี้ (3 พฤษภาคม 2563) นายจุฬา สุขมานพ  ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน โดยมีรายละเอียดดังนี้

           อาศัยอำนาจตามความในข้อ2 (3) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  (ฉบับที่5 ) ประกอบกับมาตรา 15/10 (6) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ .2497 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่14) พ.ศ. 2562 ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน ดังต่อไปนี้

    1.รายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ ให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ โดยประเภทการให้บริการเฉพาะการบินภายในประเทศ มีท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ ได้แก่ น่านนคร พิษณุโลก แพร่ แม่สอด แม่ฮ่องสอน ลำปาง และการให้บริการทั้งการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ ได้แก่ ขอนแก่น นครพนม บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร อุดรธานี อุบลราชธานี ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช ระนอง

กพท.กำหนดเงื่อนไขเครื่องบินขึ้น-ลงสนามบินภูมิภาค

    2. ให้ท่าอากาศยานที่ให้บริการเฉพาะการบินภายในประเทศ เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้เฉพาะระหว่างเวลา 07.00-19.00 น. ผู้ดำเนินการสนามบินอาจพิจารณากำหนดระยะเวลาการเปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ให้สั้นกว่าระยะเวลาตามวรรคหนึ่งได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม

   3.ให้ท่าอากาศยานที่ให้บริการทั้งการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตจัดตั้งสนามบินหรือท้ายใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะหากท่าอากาศยานใดไม่มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาทำการ ให้เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้เฉพาะระหว่างเวลา 07.00 -19.00  น.
     4. ห้ามท่าอากาศยานตาม 3. ให้บริการแก่อากาศยานที่ขนส่งคนโดยสารจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย เว้นแต่อากาศยานนั้นจะเป็นประเภทใดประเภทหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑) อากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร (State or Military Aircraft)

(๒) อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน (Emergency Landing)

(๓) อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค (Technical landing) โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง

(๔) อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทำการบินทางการแพทย์หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 (Humanitarian Aid, Medical and Relief Flights)
(๕) อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยหรือกลับภูมิลำเนา
(Repatriation)
(๖) อากาศยานขนส่งสินค้า (Cargo Aircraft)

  5. ท่าอากาศยานอาจเปิดให้อากาศยานขึ้นลงนอกระยะเวลาตามที่กำหนดตาม 2. หรือ 3. ได้ถ้าปรากฎว่าเป็นกรณีที่อากาศยานนั้นเป็นอากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร (State or Military Aircraft) ขอลงฉุกเฉิน (Emergency Landing) หรือขอลงทางเทคนิค (Technical landing) โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง

    6. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินปฏิบัติตามบรรดาข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9  แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  มาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด และประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศที่มีผลบังคับใช้กับท่าอากาศยานโดยเคร่งครัด
    7. ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการการจำกัดการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่และมาตรการป้องกันโรคตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ กำหนด ให้ผู้โดยสารได้รับทราบในเวลาการจำหน่ายบัตรโดยสารและเมื่อผู้โดยสารแดงตนก่อนขึ้นเครื่อง (Check in)
      หากผู้โดยสารแจ้งความประสงค์ขอเลื่อนการเดินทางออกไปเนื่องจากไม่พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดำเนินการออกบัตรโดยสารให้ใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
    8. ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติตามบรรดาข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  มาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด และประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศที่มีผลบังคับใช้กับผู้ดำเนินการเดินอากาศโดยเคร่งครัด
    9. ผู้โดยสารและบุคคลผู้เดินทางโดยอากาศยานจะต้องรับการตรวจคัดกรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด ในท่าอากาศยานปลายทางและจังหวัดปลายทางที่ตนจะเดินทางไปโดยเคร่งครัด
   10. คำสั่งระงับการดำเนินงานของสนามบินหรือการอนุญาตให้หยุดการดำเนินงานสนามบินที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ออกหรืออนุญาตไปก่อนแล้วตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศรวมถึงข้อยกเว้นหรือเงื่อนไขประกอบคำสั่งหรือการอนุญาตนั้น ให้ยังคงมีผลใช้ได้ต่อไปจนกว่าระยะเวลาตามคำสั่งหรือการอนุญาตนั้นจะสิ้นสุดลง
     ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศอื่นเปลี่ยนแปลงประกาศ ณ วันที่3  พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กพท.กำหนดเงื่อนไขเครื่องบินขึ้น-ลงสนามบินภูมิภาค

กพท.กำหนดเงื่อนไขเครื่องบินขึ้น-ลงสนามบินภูมิภาค