พล.อ.สมศักดิ์ รุงสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เผยว่าจากการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมและมีการต่อมาตรการนั้น เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตจึงมีการผ่อนปรนมาตรการมากขึ้นแต่ยังคงต้องมีการประเมิน เป็นระยะว่าสามารถผ่อนปรนได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นกับความร่วมมือของประชาชน ซึ่งเป็นปัจจัยในการประเมินเรื่องการปลดล๊อกต่อไป
สำหรับวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการนั้น อย่างน้อย14 วันของการผ่อนปรนต้องมีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขไว้ให้ดี เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกสบายมากขึ้น และเศรษฐกิจดีขึ้นเป็นการประกอบกัน
สำหรับกิจการที่ได้รับการผ่อนคลายมีดังนี้(ตาราง)
เลขาฯสมช.ยังชี้แจงกรณีข้อกำหนดให้สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถานทันตกรรม และคลีนิก ที่มีใบอนุญาตประกอบการตามกฎหมายสามารถเปิดดำเนินกิจการในวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 แต่สำหรับคลีนิกเสริมความงามนั้นยังคงห้ามอยู่ เนื่องจากการผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมในครั้งนี้ มาจากการประชุมหารือร่วมกันหลายฝ่าย ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และเอกชน ซึ่งเห็นควรว่าช่วงแรกเน้นกิจกรรมที่เกี่ยวกับชีวิตปกติสุขประจำวันเป็นหลักก่อน
ดังนั้น คลีนิกเสริมความงามอาจจะต้องรอเปิดในเฟสต่อไป
ส่วนการผ่อนปรนให้ห้างร้านที่ได้รับใบอนุญาตเปิดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นกับอำนาจของผู้ว่ารายชการจังหวัด หรือกรมควบคุมโรคในแต่ละพื้นที่ หากพบมีการติดเชื้อก็อาจจะสั่งควบคุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ในจังหวัดที่รับผิดชอบอีกก็ได้
การที่ให้ซื้อกลับบ้านไปดื่มที่บ้าน ก็ขอว่าอย่าถึงขั้นมั่วสุม ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่อาจจะเข้าไปตักเตือนได้ ถ้ามีการมั่วสุมมากๆเข้า ก็อาจจะนำไปสู่การห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์อีกก็ได้เช่นกัน