บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายนคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติ มาตรการช่วยเหลือด้านเงินสดมูลค่าราว 1.35 แสนล้านบาท สู่เกษตรกร 9 ล้านครัวเรือน โดยเกษตรกรแต่ละครัวเรือนจะได้รับเงินช่วยเหลือต่อเดือน 15,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเยียวยา Covid-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านบาท ที่ 6 แสนล้านบาทจะกระจายสู่ประชาชน เกษตรกรและด้านสาธารณสุข โดยครม.ได้อนุมัติมาตรการนี้เป็นที่ต้องการเพื่อให้มาตรการสนับสนุนครบทั้งระบบคือ แรงงานทั้งในและนอกระบบ เกษตรกร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กและบริษัท ในขณะเดียวกันกรุงเทพมหานคร กำลังพิจารณาที่จะให้ธุรกิจ ร้านอาหาร ตลาด ศูนย์ฟิตเนสสวนสาธารณะ ร้านเสริมสวย ร้านตกแต่งขนสัตว์เลี้ยง คลีนิกและสนามกอล์ฟ สามารถเปิดให้บริการได้ แต่ยังไม่มีความชัดเจนมากนักในตอนนี้ ซึ่งนักลงทุนควรรอแผนการเปิดที่ชัดเจนในอนาคต
มาตรการ 1.35 แสนลบ. สนับสนุนการบริโภคได้แค่ระยะสั้น
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของเกษตรกรต่อครัวเรือนอยู่ที่ราว 13,600 บาทต่อเดือนในปี 2561 ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูลของปี 2562 แต่มีข้อมูลสำหรับค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือนทั้งประเทศที่ 16,400 บาทต่อเดือน (ลดลง -8.3% จาก 2561 ) จากข้อมูลนี้มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่ให้เงินเกษตรกรครัวเรือนละ 15,000 บาทนั้น จึงเพียงพอแค่สำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทั่วไปในอีก 3 เดือนข้างหน้าเนื่องจากผลของ Covid-19และภัยแล้งในหลายส่วนของประเทศได้ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง
มาตรการได้เข้ามาหลังจากเกษตรกรและแรงงานทั่วไปได้รับผลกระทบ จากอัตราส่วนเงินเก็บต่อรายได้ที่ต่ำโดยอัตราส่วนอยู่ที่ 6% และ 10% ของรายได้จากแบบสำรวจในปี 2561 (น้อยที่สุดในบรรดาอาชีพต่างๆ ) บ่งชี้ว่ากลุ่มเกษตรกร และผู้ใช้แรงงานทั่วไปเป็นกลุ่มที่มีเงินเก็บเผื่อไว้ในช่วงการเกิดวิกฤตน้อยที่สุด
บล.กรุงศรี เชื่อว่า CPALL MAKRO และ BJC จะได้รับผลประโยชน์จากมาตรการนี้ อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้จะสนับสนุนแค่รายได้ของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 และภัยแล้ง ซึ่งจะไม่ได้ช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนให้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบการบริโภคในสถานการณ์ปกติ