จีนเร่งพัฒนาประเทศ ดัน6หลักประกัน ขจัดความยากจน

01 พ.ค. 2563 | 04:25 น.

“จีน”เร่งมาตรการลดความยากจน พัฒนาอุตสาหกรรม สร้างโอกาสการมีงานทำ สุขอนามัยของประชาชน และการศึกษา 

 

 

พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ ได้รวบรวมข้อมูลและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการใหญ่ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ลงพื้นที่ตรวจงานในมณฑลส่านซี ระหว่างวันที่ ๒๐ – ๒๓ เม.ย.๖๓ โดยได้มีการประกาศ “หลักประกัน ๖ ด้าน” ก่อนลงตรวจงานในพื้นที่ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

 

๑. วัตถุประสงค์ในการตรวจงานในครั้งนี้ เพื่อกำหนดทิศทางอย่างชัดเจนในการดำเนินมาตรการลดความยากจน รวมถึงด้านอุตสาหกรรม การสร้างโอกาสการมีงานทำ สุขอนามัยของประชาชน และการศึกษา เป็นต้น ถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างจัดเจนว่า จีนจะบรรลุเป้าหมายการขจัดความยากจนอย่างรอบด้านตามแผนการที่กำหนด อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงแนวคิดการบริหารประเทศโดย “ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

 

๒. การประกาศ “หลักประกัน ๖ ด้าน” ซึ่งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ต่อการมีงานทำของกลุ่มผู้ยากจน ทำให้ ๓ วันก่อนลงตรวจงานในพื้นมณฑลส่านซี ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เป็นประธานการประชุมกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อให้สามารถวางแผนงานการแก้ไขความยากจนในขั้นต่อไปอย่างเป็นรูปธรรมในขณะลงพื้นที่ โดยได้ประกาศ “หลักประกัน ๖ ด้าน” ได้แก่ 

 

(๑) การประกันการมีงานทำของประชาชน (๒) การประกันคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน (๓) การประกันตลาด (๔) การประกันความปลอดภัยด้านอาหารและทรัพยากร (๕) การประกันความมั่นคงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน และ (๖) การประกันการดำเนินงานของหน่วยงานพื้นฐาน   

 

 

 

๓. ผลการตรวจงานในพื้นที่มณฑลส่านซี

 ๓.๑ ได้เดินทางไปยังอำเภอ ๒ แห่ง ในพื้นที่เทือกเขาฉิ่นหลิ่น-ต้าปาซาน ซึ่งเป็นเขตยากจนที่สุดของจีน โดยได้ตรวจโครงการเพาะเห็ดหูหนูและไร่ชาในท้องถิ่น รวมถึงเยี่ยมเยียนชุมชน โรงพยาบาล และโรงเรียนประถมในอำเภอ รวมทั้งได้รับฟังสภาพการดำเนินงานที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายการสร้างหลักประกันด้านอาหารการกิน การศึกษา การรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานและที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มผู้ยากจน 

จีนเร่งพัฒนาประเทศ ดัน6หลักประกัน ขจัดความยากจน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กล่าวชื่นชมโครงการว่า “เห็ดหูหนูเล็กสร้างการค้าใหญ่” รวมทั้งอีคอมเมิร์ซจะเป็นรูปแบบใหม่ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ผลผลิตการเกษตร และช่วยบรรเทาความยากจนของประชาชนได้ ทั้งยังสามารถผลักดันให้หมู่บ้านต่างๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงเป็นรูปแบบที่ควรส่งเสริมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

๓.๒ ได้เดินทางไปที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติหนิวเป้ยเหลียง ในเทือกเขาฉินหลิ่ง อำเภอจ้าสุ่ย    เมืองซางลั่ว เพื่อดูงานการอนุรักษ์ระบบนิเวศในพื้นที่ ทั้งนี้ เทือกเขาฉินหลิ่ง เป็นเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ระหว่างตอนเหนือและตอนใต้ของจีน เป็นเทือกเขาแบ่งเขตอบอุ่นกับภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อน ซึ่งในแง่อุทกวิทยายังเป็นเส้นแบ่งระบบแม่น้ำหวงเหอและระบบแม่น้ำแยงซี 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้พบเห็นบ้านขนาดใหญ่และคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นโดยผิดกฎหมายบริเวณเชิงเขาทางตอนเหนือ ทำให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ออกคำสั่งให้แก้ปัญหาการทำลายระบบนิเวศและการสร้างอาคารผิดกฎหมาย โดยเน้นย้ำให้ข้าราชการทุกคนต้องเข้าใจบทเรียนเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้กระทำผิดอีก ตลอดจนต้องปฏิบัติงานรักษาระบบนิเวศอย่างจริงจังในเทือกเขาแห่งนี้ 

 ๓.๓ ได้ไปเยือนตำบลเหล่าเซี่ยน อำเภอผิงลี่ เมืองอันคัง มณฑลส่านซี โดยตรวจเยี่ยมย่านชุมชนจิ่นผิง สถานอนามัย โรงเรียนและไร่ชา เป็นต้น อันเป็นส่วนหนึ่งของงานขจัดความยากจน และฟื้นการผลิตภายใต้สถานการณ์โควิด-๑๙ 

 

 

นอกจากนี้ ได้กล่าวขณะตรวจเยี่ยมชาวบ้านที่อพยพมาจากพื้นที่ยากจนว่า การจะให้ผู้อพยพดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้น จำต้องอาศัยการมีงานทำที่มั่นคง โดยต้องสร้างกลไกที่ช่วยให้ทุกคนได้อยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง 

 

๔. ข้อสังเกต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น นายเซี่ย เกิงเซิง รองผู้อำนวยการ สำนักงานช่วยเหลือผู้ยากจน สังกัดคณะรัฐมนตรีจีน ได้กล่าวว่า จีนมีอำเภอยากจนทั้งหมด ๘๓๒ แห่ง ซึ่งจนถึงปัจจุบันได้หลุดพ้นจากความยากจนแล้ว ๗๐๓ แห่ง และถึงแม้ว่าอำเภอยากจนส่วนใหญ่จะหลุดพ้นความยากจนแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางในการสร้างสังคมมีกินมีใช้ ตามคำสั่งของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง 

 

 

 

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมุ่งรักษาผลสำเร็จของการขจัดความยากจนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นหลักประกันต่อชัยชนะในการต่อสู้กับความยากจนอย่างรอบด้าน 

 

บทสรุป หลังกลับจากการตรวจเยี่ยมพื้นที่มณฑลเจ้อเจียงไม่ถึง ๒๐ วัน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เดินทางไปยังมณฑลส่านซี เพื่อตรวจงานต่างๆ อีกครั้ง หลังจากเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว ได้เคยมาเป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับการขจัดความยากจน และได้กล่าวในที่ประชุมว่า 

 

"เราบรรลุเป้าหมายของแผน ๑๐๐ ปีแรก ในการสร้างสังคมมีกินมีใช้ทุกด้าน หากขาดเขตปฏิวัติเก่า โดยเฉพาะประชาชนในเขตเหล่านี้ไม่ได้พ้นจากความยากจน สังคมมีกินมีใช้จะไม่สมบูรณ์ และการสร้างสังคมมีกินมีใช้จะสำเร็จได้หรือไม่นั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ประชาชนในเขตชนบทพ้นจากความยากจนหรือไม่" 

 

ดังนั้น ในปีนี้หากจีนสามารถบรรลุเป้าหมายสร้างสังคมมีกินมีใช้ตามที่กำหนด ก็จะทำให้จีนบรรลุเป้าหมายการลดความยากจนตามแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ปี ๒๐๓๐ (พ.ศ.๒๕๗๓) ได้ล่วงหน้าถึง ๑๐ ปี