แอลจี เผยไตรมาสแรกโกย 3.86 แสนล.สูงเป็นประวัติการณ์

01 พ.ค. 2563 | 03:20 น.

แอลจี เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรก โกยไปแล้วกว่า 3.86 แสนล้านบาท สร้างสถิติกำไรประจำไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์สวนทางสถานการณ์โควิด-19 กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศยังคงครองแชมป์ยอดนิยมสูงสุด พร้อมเร่งปรับทัพขายออนไลน์เพิ่มรับดีมานซ์พุ่ง

รายงานจาก แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) ประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 ว่า มีรายได้รวม 12.45 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.86 แสนล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงาน 921.47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.86 หมื่นล้านบาท) แม้รายได้จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 21.1% จากไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่มีกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า 921 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.86 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 7.4%  ซึ่งเป็นอัตราประจำไตรมาสแรกสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอลจี

แอลจี เผยไตรมาสแรกโกย 3.86 แสนล.สูงเป็นประวัติการณ์

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รายงานรายได้ประจำไตรมาสแรกที่ 4.58 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.42 แสนล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงาน 636.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.97 หมื่นล้านบาท) โดยมีรายได้คงที่ในมูลค่าใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า แม้ความต้องการซื้อในตลาดทั่วโลกลดลงจากวิกฤติโรคโควิด-19 แต่ยอดขายในประเทศเกาหลีใต้เพิ่มสูงขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่น Steam เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน และนวัตกรรมเพื่อการดูแลเสื้อผ้า LG Styler สะท้อนถึงความสนใจของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในการดูแลสุขภาพและสุขอนามัย

แอลจี เผยไตรมาสแรกโกย 3.86 แสนล.สูงเป็นประวัติการณ์

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกาศรายได้ประจำไตรมาสแรกที่ 2.51 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 7.78 หมื่นล้านบาท) ลดลง 4.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากข้อจำกัดด้านการจัดหาชิ้นส่วนและการชะลอตัวของความต้องการซื้อทั่วโลก ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง โดยในปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนการจัดประเภทผลิตภัณฑ์ไอทีจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ ด้านโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ขยายไปยังกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ทำให้รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 31.7% คิดเป็นมูลค่า 275.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 8.53 พันล้านบาท) ด้วยประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม เช่น ทีวี OLED และทีวี NanoCell นอกจากนี้ ด้วยความต้องการซื้อที่ลดลงจากวิกฤติโรคระบาด แอลจีจึงได้จัดสรรสัดส่วนของผลิตภัณฑ์พรีเมียมใหม่ เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์เข้ามาทดแทน

แอลจี เผยไตรมาสแรกโกย 3.86 แสนล.สูงเป็นประวัติการณ์

ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ เผยยอดขายประจำไตรมาสที่ 1 ที่ 843.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2.62 หมื่นล้านบาท) โดยมีผลการดำเนินงานขาดทุนน้อยลงจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ 200.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 6.23 พันล้านบาท) ยอดขายลดลงประมาณ 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการหยุดชะงักของผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศจีน จึงต้องมีมาตรการต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติโรคโควิด-19 ด้วยการเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตและการตลาด เพื่อใช้ต้นทุนอย่างคุ้มค่าที่สุด ซึ่งในไตรมาสที่ 2 นี้ จะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน LG Velvet 5G ใหม่ในประเทศเกาหลีใต้ออกมารับตลาด

แอลจี เผยไตรมาสแรกโกย 3.86 แสนล.สูงเป็นประวัติการณ์

กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ รายงานรายได้ประจำไตรมาสแรกที่ 1.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.44 หมื่นล้านบาท) ลดลง 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เพื่อรับมือกับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาด บริษัทได้วางแผนในการเสริมประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานโดยคำนึงถึงความต้องการซื้อที่ลดลงของผู้ผลิตยานยนต์เป็นสำคัญ พร้อมมุ่งพัฒนาโครงสร้างธุรกิจด้วยการลดต้นทุนยิ่งขึ้นในไตรมาสที่ 2 และกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร สร้างยอดขายในไตรมาสแรกที่ 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.46 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแผนงานนับจากนี้บริษัทจะขยายช่องทางการขายออนไลน์สำหรับผลิตภัณฑ์ไอที เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานและการศึกษาจากระยะไกล