ASPS มองดัชนีพ.ค.ที่ 1,188-1,323 จุด  ผิดหวังงบQ1ฟันด์โฟลด์ขายต่อเนื่อง 

30 เม.ย. 2563 | 09:59 น.

ASPS มองดัชนี SET เดือนพ.ค. มีโอกาสปรับฐานให้กรอบ 1,188-1,323 จุด จากความเสี่ยงกำไรบจ.Q1หดแรง เมิน SSFX 1 เดือนไม่ถึงพันล้าน 


เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในเดือนพ.ค. 63 ว่า ดัชนี SET Index มีโอกาสสูงที่จะปรับฐานมองกรอบดัชนีที่ 1,188-1,323 จุด โดยมองมีโอกาส downside มากกว่า upside เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 1/63 หดตัวแรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ประกอบกับช่วงไตรมาส 2/63 หลายฝ่ายมองว่ากำไรน่าจะลดลงมากกว่าไตรมาส 1  จึงมีโอกาสที่ปรับประมาณการผลการดำเนินงานในปีนี้ลงอีก จากเดิมคาดกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ 7.8 แสนล้านบาท

ขณะที่ทิศทาง Fund Flow ตั้งแต่ต้นปีมา (YTD )มีแรงขายต่อเนื่องกว่า 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่เดือน พ.ค. ซึ่งปกติตลาดหุ้นมักเผชิญกับแรงเทขายหลังจากการจ่ายเงินปันผลเริ่มหมดลง โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีการประกาศจ่ายปันผลแล้ว 408 บริษัท จากทั้งหมด 488 บริษัท  ในเดือน พ.ค. นี้จึงเหลือเพียง 79 บริษัทที่จะมีการจ่ายเงินปันผล ดังนั้น นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรเงินปันผลมีโอกาสโยกเงินกลับประเทศ  ขณะที่แรงซื้อจากสถาบันเริ่มลดลงในช่วงที่ผ่านมา  เม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมเพื่อการออมกองพิเศษ (SSFX)  อาจไม่ช่วยหนุนตลาดอย่างที่นักลงทุนคาดหวังมากนัก เนื่องจากมียอดซื้อสะสม ณ 24 เม.ย. 63  มีไม่ถึง 1 พันล้านบาท          

ส่วน Valuation ทางพื้นฐาน เริ่มตึงตัว ซึ่งกำหนดบนคาดการณ์กำไรสุทธิ/หุ้น (EPS) ของตลาดปี 63 ที่ 72.62 บาท/หุ้น (ต่ำกว่า Consensus ที่ 75 บาท/หุ้น) และให้ Market Earning Yield Gap ที่ 5% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 17.4 เท่า คิดเป็น SET Index เป้าหมายที่ 1,264 จุด เท่ากับว่าที่ระดับ SET Index ปัจจุบันไม่เหลือ Upside ทางพื้นฐานแล้ว แต่หากมีการลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มีโอกาสขยายได้ 1,321 จุด แต่ท่าทีนโยบายทางการเงินแม้จะผ่อนคลาย แต่คาดว่ายังเน้นอัดฉีดเม็ดเงินรูปแบบอื่นมากกว่า

กลยุทธ์การลงทุนในเดือน พ.ค. 63 แนะจัดพอร์ตเตรียมรับความผันผวนของตลาด โดยเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ผันผวนต่ำ ปันผลสูง โดยแนะนำ DCC เติบโตสวนกระแสบริษัทอื่นๆที่ผลประกอบการหดตัว , STA ความต้องการของถุงมือยางปรับตัวขึ้นมากในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 , RATCH เป็นหุ้น Defensive และปันผลสม่ำเสมอ , IVL ช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ , COM7 ระบายสินค้าออกในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง รองรับสินค้าใหม่ๆ ที่จะเริ่มจำหน่ายหลังโควิด-19 คลี่คลาย และเทคโนโลยี 5G , KBANK ราคาปรับฐานลงมามากเกินไป  พร้อมแนะให้หลีกเลี่ยงหุ้น Over Value อย่าง ERW และ DELTA

นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจกับประเด็นของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันหลายประเทศได้ผ่านจุดพีคไปแล้ว อาทิ สหรัฐ เยอรมนี อังกฤษ และประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป ระยะต่อไป คือ การกลับมาเปิดประเทศให้ระบบเศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้เริ่มตอบรับไปบ้างแล้ว โดยได้ปรับเพิ่มขึ้นมาจากจุดต่ำสุด
 

ASPS มองดัชนีพ.ค.ที่ 1,188-1,323 จุด  ผิดหวังงบQ1ฟันด์โฟลด์ขายต่อเนื่อง