3กฎเหล็กร้านอาหารเชียงใหม่พร้อมคลาย"ล็อกดาวน์"

นายธนิต ชุมแสง  นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ร้านอาหารเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ มีร้านอาหารทั้งหมด 12,800 ร้าน ทั้งร้านเล็ก-ใหญ่  มีมูลค่าการค้าขายต่อวันประมาณ 65 ล้านบาท เดือนละ 2,000 กว่าล้านบาท หรือปีละกว่า 20,000 ล้านบาท มีจำนวนพนักงาน บุคลากรที่อยู่ในธุรกิจร้านอาหารประมาณ 70,000 คน มีห่วงโซ่อุปทานยาวไปถึงภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมอาหารแห้ง และเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่ต่างได้รับผลกระทบคำสั่งปิดหรือ "ล็อกดาวน์"ของทางจังหวัดและรัฐบาล ตั้งแต่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
    
บางรายเปิดขายดีลิเวอรี แต่ยอดขายยังหายไป 80-90% เทียบไม่ได้กับการเปิดให้ลูกค้ามานั่งทานที่ร้าน จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่อยากให้รัฐบาลพิจารณาผ่อนคลาย "ล็อกดาวน์" โดยทางกลุ่มร้านอาหารเองมีมาตรการที่เข้มข้น  เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมถึงห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้อง ได้กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง 

สมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ได้สร้างมาตรฐานความปลอดภัยร้านอาหารในสถานการณ์ของโควิด-19 ขึ้นมา 3 มาตรการคือ มาตรการที่ 1 การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม บริเวณร้านอาหาร มาตรการที่ 2 การจัดการระบบของร้านอาหารและมาตรการที่ 3 การป้องกันส่วนพนักงาน ส่วนลูกค้า มีรายละเอียด คือ 

มาตรการที่ 1 การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม บริเวณร้านอาหาร ได้แก่ การจัดโต๊ะที่นั่งต้องเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะหรือเก้าอี้อย่างน้อย 1-2 เมตร หรือมีฉากกั้นบนโต๊ะอาหารระหว่างลูกค้า สำหรับร้นอาหารที่มีพื้นที่จำกัด ทำความสะอาดสถานที่ เช็ดถูพื้น โต๊ะและเก้าอี้และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนเปิดและปิดร้าน จัดให้มีระบบระบายอากาศที่ดี มีเครื่องฟอกอากาศในกรณีห้องปรับอากาศ มีป้ายประชาสัมพันธ์แนะนำการปฏิบัติตัว การสังเกตอาการและการป้องกันโรค มีอ่างน้ำล้างมือพร้อมสบู่ สเปย์ เจลแอลกอฮอลล์ และส่งเสริมให้ใช้เป็นระบบจ่ายอัตโนมัติ 
    
มีจุดคัดกรองสำหรับวัดไข้ทางเข้าออกทางเดียว ทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในบริเวณที่มีการใช้งานบ่อย ๆ เช่น ที่จับเปิดปิดประตู ลูกบิดประตู ราวบันได เคาน์เตอร์ การวางช้อน ส้อม ตะเกียบ ทัพพีให้วางเอาด้ามขึ้นในภาชนะที่โปร่ง สะอาด หรือวางเรียงแนวนอน โดยให้ด้ามเรียงไปทางเดียวกันและมีการปกปิด เก็บสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 ซม. มีการจัดเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดได้แก่ ผ้าเช็ดโต๊ะ อุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นห้องอาหาร ห้องครัว ห้องน้ำ สะอาดเป็นระเบียบ มีบริเวณซักล้างและมีระบบระบายน้ำทิ้งที่ถูกสุขลักษณะ มีการระบายอากาศและมีแสงสว่างเพียงพอ มีการคัดแยกขยะเปียกที่เป็นเศษอาหารจากห้องครัวหรือห้องรับประทานอาหารจากขยะทั่วไปและมีการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณที่พักขยะ
 
มาตรการที่ 2 การจัดการระบบ มีการคัดกรองวัดไข้ลูกค้า พนักงาน ผู้มาติดต่อและสวมหน้ากากอนามัย จัดให้ลูกค้าล้างมือด้วยเจล แอลกอฮอลล์หรือล้างด้วยสบู่ก่อนเข้าร้าน จำกัดจำนวนลูกค้าให้ตามจำนวนที่นั่งที่ได้กำหนดไว้ จัดเตรียมวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้สด สะอาดและอาหารปรุงร้อน,จัดเตรียมภาชนะและอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารให้สะอาดพร้อมให้บริการแบบส่วนบุคคล จัดทำความสะอาดเมนูรายการอาหารตลอดเวลาหรือใช้รายการอาหารแบบติดผนัง

รวมทั้งใช้รายการอาหารระบบ online บนมือถือเพื่อหลีกเลี้ยงการสัมผัส เพิ่มช่องทางการชำระเงินแก่ลูกค้า( Cashless Payment) เช่น จ่ายผ่าน QR Code,จัดให้มีบริเวณรอในการสั่งซื้ออาหารและเว้นระยะห่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร จัดการจดบันทึกข้อมูลผู้มาใช้บริการหรือติดตั้งกล้องวงจรปิด ถ่ายรูป,เพิ่มระบบการรับคำสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ จัดแยกพื้นที่สำหรับลูกค้าซื้อห่อกลับบ้านและ Delivery

มาตรการที่ 3 การป้องกันส่วนพนักงานและลูกค้า มีการตรวจวัดไข้พนักงานเวลาเข้างาน-ออกงาน  พนักงาน ลูกค้า สวมหน้ากากอนามัย Face Shield,ผู้ปรุงอาหารสวมหน้ากากอนามัย Face Shield สวมหมวก ผ้ากันเปื้อน ถุงมือยาง,ให้พนักงานเว้นระยะห่าง Social Distancing และงดการรวมกลุ่มพนักงาน,ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้บริการ สำหรับป้องกันตนเองและป้องกันการ ไอ จาม ปนเปื้อนในอาหารหรือภาชนะ

หากผู้สัมผัสอาหารมีอาการคล้ายโรคระบบทางเดินหายใจให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์ทันที พนักงานที่ปฏิบัติงานในจุดเสี่ยง ได้แก่ แม่บ้านทำความสะอาด ห้องพัก ห้องสุขาและพนักงานขนขยะ ต้องใส่ถุงมือ รองเท้า หน้ากากผ้า ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรค และเมื่อปฏิบัติงานเสร็จต้องล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่หรือเจลล้างมือแอลกอฮอลล์

นายธนิต กล่าวอีกว่า เป็น 3 มาตรการที่ให้ร้านอาหาร 12,800 ร้าน ทั้งจังหวัดเชียงใหม่รวมใจกันทำ ถ้าไม่ทำ ร้านใดร้านหนึ่งหลุดออกมา เราก็จะถูกระงับในการที่จะไม่ให้เปิดทันที จึงต้องทำทุกร้านอย่างเคร่งครัด อย่าประมาท การ์ดอย่าตก โดยได้แจ้งไปยังสมาชิกให้รับทราบและพร้อมปฎิบัติกันแล้ว คาดว่ามาตรการภาครัฐจะออกมาเช่นเดียวกันในเร็ว ๆ นี้

โดยร้านอาหารเราพร้อมกันหมด แต่จะต้องให้เวลากับในการเตรียมตัวอย่างที่บอกใน 3 มาตรการ ทุกร้านต้องประกาศล่วงหน้าประมาณ 7 วัน จะได้เตรียมตัวเรื่องของการจัดผังร้าน จัดระบบเรื่องของการป้องกัน เราต้องมีการซ้อมทำก่อนทั้งระบบ 

แต่ที่ทุกคนเป็นห่วงก็คือ เรื่องของการกำกับการติดตามว่าร้านไหนจะทำอย่างไร ประการแรกก็คือตัวลูกค้าเอง ที่จะเป็นผู้กำกับติดตามว่าร้านนี้ทำไม่ทำ ก็จะฟ้องกันเอง ประการที่สองเชื่อว่าทุกร้านค้าไม่อยากเป็นจำเลยของสังคม ไม่อยากให้ในไทม์ไลน์คนคิดเชื้อว่ามาจากร้านตัวเอง สุดท้ายเองทางด้านสาธารณสุข ก็อาจจะมีการออกใบประกาศหรือใบรับรอง ว่าร้านนี้ได้ปฏิบัติตามมาตรการมาตรฐานร้านอาหารในช่วงสถานการณ์COVID-19 ซึ่งถ้าทุกร้านสามารถให้บริการได้ตามมาตรการดังกล่าวนี้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มากขึ้น เป็นโมเดลต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ ต่อไปได้