นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดริ์นเทรด ประจำไตรมาสที่ 1ปี 2563 ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 105 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 23 มี.ค-17 เม.ย. 2563 ว่า สำหรับปัจจัยลบหลักๆของการประกอบธุรกิจโมเดริ์นเทรดคือ การระบาดของไวรัสโควิด-19 การประกาศพรก.ฉุกเฉิน มาตรการยกเลิกวีซ่า 18 ประเทศ ยกเลิกเที่ยวบินชั่วคราว สถานการณ์ภัยแล้ง ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 การส่งออกที่ส่งสัญญาณหดตัว ราคาสินค้าเกษตรคงที่ในระดับไม่สูง เป็นต้น จากปัจจัยลบดังกล่าวส่งผลดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการไตรมาส1/2563 ที่ค่าดัชนีต่ำกว่าระดับ 50 ทุกรายการนับตั้งแต่มีการสำรวจจากไตรมาส 3/2561 หรือต่ำสุดในรอบ 7 ไตรมาสโดยค่าดัชนีโดยรวมอยู่ที่ 47.2 ดัชนีในปัจจุบันอยู่ที่ 49.0 และดัชนีอนาคตอยู่ที่ 45.5
“จากการสำรวจพบว่าในช่วงไตรมาส2ผู้ประกอบการตอบว่ามีสินค้าคงเหลือจากการขายมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงมีการเสนอว่าต้องเปิดให้บริการอีกครั้ง ซึ่งหากเปิดได้ก็จะช่วยให้ซัพพลายเชนกลับมาทำงานได้ตามปกติเกิดการจ้างงาน ส่วนการขายออนไลน์ของกลุ่มโมเดริ์นเทรดในไตรมาสแรกขยายตัวจากปีก่อนถึง 73% และไตรมาสที่2ก็ขยายตัวถึง 89% แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีการปรับตัวอย่างชัดเจนและผู้ผู้บริโภคเองก็ปรับตัวเช่นดียวกัน ” นายธนวรรธ์ กล่าว
สำหรับ มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการก็ยังไม่ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลมีคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้า และธุรกิจบางประเภท การขาดสภาพคล่อง เจอปัญหาผู้ค้าออนไลน์เถื่อนจำหน่ายสินค้าตัดราคา กำลังซื้อที่หดตัว โดยหอการค้าไทยประเมินความเสียหายด้านเศรษฐกิจโดยรวมต้นปี อยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท โดยไตรมาสแรกคาดว่าประมาณ 3-4 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด ได้เสนอให้รัฐบาลมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มาตรการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การกระตุ้นการบริโภค เร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน
นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ระยะเวลา 1 เดือนห้างสรรพสินค้าต่างๆได้มีการปรับกลยุทธ์ วิธีการทำธุรกิจและสมาชิกของกลุ่มค้าปลีกไม่มีการปลดพนักงานยังดูแลพนักงานอย่างเต็มที่ และทำตามคำสั่งของรัฐบาลอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนเพราะยอดขายลดลงอย่างมาก ขณะเดียวกันธุรกิจค้าออนไลน์ ธุรกิจเดลิเวอรี่ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเติบโตขึ้นถึง 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมองว่ารูปแบบการจับจ่ายซื้อสินค้าของประชาชนน่าจะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากผ่านการระบาดของไวรัสโควิด -19 ไป ซึ่งทางหอการค้ามองว่าจากนี้ไปรัฐบาลจะต้องศึกษาแนวทางในการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ทางหอการค้าเห็นว่าเป็นหนทางในการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวคือการเปิดให้บริการภาคธุรกิจค้าปลีกนอกเหนือจากในส่วนของซุเปอร์มาร์เก็ตหรือโซนอาหาร ภายใต้การควบคุมโดยหอการค้าได้เสนอแนวทางในการควบคุมการระบาดของไวรัส-19 อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมองว่าสินค้าบางประเภทมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น วัสดุที่ใช้ในการซ่อมแซมบ้าน
สำหรับสนุนเงินทุนหมุนวียนดอกเบี้ยแบบซอฟต์โลนให้กับผู้ค้ารายย่อยเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่มีมาตรการให้ไปก่อนหน้านี้ เร่งมาตรการให้มีการจ้างแรงงานแบบรายชั่วโมง และเร่งเจรจากับรัฐบาลจีนเพื่อควบบคุมการระบาดของไวรัสจากนักท่องเที่ยว เพื่อเตรียมตัวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาไทยในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งลดภาษีต่าง ๆ เช่น ภาษีบำรงท้องที่ ภาษีสิ่งปลูกสร้าง และแม้ว่าภาคค้าปลีกจะได้รับผลกระทบแต่ก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เพราะเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญกับประชาชน และการเปิดให้จำหน่ายสินค้าในห้างค้าปลีกนั้นก็มองว่าเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและส่งผลดีต่อประเทศโดยรวม
ทั้งนี้ การเปิดโมเดริ์นเทรดจะช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ลดการเลิกจ้างงาน ส่งผลดีต่อทางจิตวิทยาซึ่งทางผู้ประกอบการจะเข้มงวดเพื่อป้องกันการระบาดของโรคและให้ความร่วมมือกับภาครัฐ อย่างไรก็ตามหากพบว่าหลังจากที่เปิดให้บริการแล้วพบว่ามีการระบาดของไวรัสเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการก็พร้อมจะทบทวนและปิดให้บริการอีกครั้ง