ญี่ปุ่น-สิงคโปร์ เจ็บหนักสุดในเอเชีย

บริษัทวิจัย มูดี้ส์ อะนาไลติกส์ เปิดเผยว่า ภายในภูมิภาคเอเชีย ทั้งสองประเทศดังกล่าวมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะได้รับความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากที่สุดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19”

ทั้งนี้ ก่อนที่การแพร่ระบาดจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจทั้งของญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ต่างก็ชะลอการเติบโตอยู่แล้ว ดังนั้น มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งเป็นการคุมเข้มเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคที่ส่งผลให้มีการปิดการดำเนินธุรกิจบางประเภท จึงเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่อ่อนแออยู่แล้ว

ข้อมูลล่าสุดอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงอยู่แล้ว 6.3% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561) ส่วนเศรษฐกิจของสิงคโปร์นั้น ในเบื้องต้นมีการคาดหมายว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ จะมีการหดตัว 2.2%

สตีฟ ค็อกช์เรน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมูดี้ส์ อะนาไลติกส์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นถือว่าอยู่ในภาวะถดถอยอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยโควิด-19 ส่วนสิงคโปร์ถือว่าไตรมาสแรกอ่อนแรงมาก และเชื่อว่าไตรมาสที่ 2 สถานการณ์จะยิ่งย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมเนื่องจากมีการนำมาตรการล็อกดาวน์มาใช้

“กรณีของญี่ปุ่น มีความเป็นไปได้ว่าถ้าหากการแพร่ระบาดของไวรัสยังคงดำเนินต่อไป จะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น เทียบกับปัจจุบันมาตรการที่ใช้อยู่ถือว่ายังเบาๆ” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมูดี้ส์ฯ กล่าว

ทั้งญี่ปุ่นและสิงคโปร์ เป็นประเทศในแถบเอเชียที่มีการรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นรายแรก ๆ นอกประเทศจีน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อมีมากกว่า 13,000 ราย นับว่าเป็นอัตราสูงที่สุดในเอเชีย (ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์) ขณะที่สถานการณ์ในจีน แม้จะมีการติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลจีนก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วในช่วงระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างกับสถานการณ์ในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังคงทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ตัดสินใจขยายมาตรการล็อกดาวน์เศรษฐกิจบางส่วน ซึ่งครอบคลุมถึงการปิดชั่วคราวสถานประกอบการธุรกิจที่ถือว่าไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และการปิดสถานศึกษา ส่วนญี่ปุ่น รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเก็บตัวอยู่กับบ้านแต่ยังอนุญาตให้ธุรกิจบางอย่างเปิดดำเนินการได้ตามปกติ

การหดตัวทางเศรษฐกิจทั้งในส่วนของญี่ปุ่นและสิงคโปร์เป็นเหตุผลที่ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยภาพรวมในไตรมาส 2 ของปีนี้ จะแผ่วลงมาก “เศรษฐกิจที่ยังปิดอยู่โดยมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบเข้ากับแนวโน้มการส่งออกที่แผ่วลงมากของประเทศในเอเชียเหนือ ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจของทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มุ่งหน้าสู่ภาวะยากลำบากอย่างมากในไตรมาสนี้”

ข้อคิดเห็นของหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำบริษัท วิจัยมูดี้ส์ อะนาไลติกส์ มีขึ้นหลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาเตือนว่า จะเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปีที่เศรษฐกิจของเอเชีย ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่เคยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จะไม่มีการขยายตัวเลยในปีนี้ ซึ่งก็เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั่นเอง

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 23 ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,570 วันที่ 30 เมษายน - 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2563