CWT ขายหุ้นกู้ 300 ล้านบาท อายุ 2 ปี ดบ. 5.80%

27 เม.ย. 2563 | 06:36 น.

CWT ออกหุ้นกู้ 300 ล้านบาท อายุ 2 ปีเสนอขายให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่/สถาบัน ดอกเบี้ยคงที่ 5.80% ต่อปี

บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เตรียมเปิดให้จองซื้อหุ้นกู้ CWT ครั้งที่ 1/2563 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ในช่วงวันที่ 13 - 18 พฤษภาคม 2563 เพื่อเสนอขายให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 นี้ โดยจะเสนอขายหุ้นกู้จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 300,000 หน่วย มูลค่าหุ้นกู้ที่เสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 300,000,000 (สามร้อยล้านบาท) เงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ดังกล่าวจะใช้รองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท รวมถึงใช้ชำระคืนหุ้นกู้ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจ 

CWT หรือ “ผู้ออกหุ้นกู้” ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ระดับ BB+/Stable โดยบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ของ CWT กำหนดผลตอบแทนด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.80 ต่อปี มีอายุ 2 ปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ จองซื้อขั้นต่ำ 100 หน่วย หน่วยละ 1,000 บาท

CWT ดำเนินธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์หนัง และธุรกิจในกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจด้านพลังงานเพื่อผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และธุรกิจออกแบบและจัดจำหน่ายยานพาหนะประเภทเรือและรถโดยสารขนาดเล็กที่ผลิตด้วยอลูมิเนียม โดยที่ผ่านมา CWT ลงทุนในกลุ่มบริษัทเพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ เห็นได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการลงทุนในธุรกิจต่อเรือ ต่อรถโดยสารขนาดเล็กที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต  

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19จะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมากลุ่มโรงไฟฟ้าของบริษัทในกลุ่มยังได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน เทศบาลนครสวรรค์ และจะมีการพัฒนาเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะชุมชนตามนโยบายของภาครัฐต่อไป แสดงให้เห็นว่ากลุ่มบริษัทยังคงมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงในธุรกิจระยะยาวต่อไปในอนาคต