นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์จัดเปิดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ล็อต2 โดยจะนำสินค้ากว่า 3,025 รายการ มาลดสูงสุดถึง 68% มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและประชาชนติดตามจำนวนมาก
“กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชนช่วยกันลดภาระค่าของชีพให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ภายใต้ภารกิจร่วมกันที่ต้องการลดราคาสินค้าให้กับผู้บริโภคชาวไทยโดยได้ดำเนินการมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ล็อต1 ตอนนั้นสินค้าที่เข้าร่วมลดราคากับกระทรวงพาณิชย์จำนวน 6 กลุ่มสินค้ามีสินค้าเข้าร่วมลดราคา 72 รายการลดสูงสุดถึง 58 %ไปแล้ว”
ส่วนโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนล็อต2 ซึ่งยังคงสินค้า6กลุ่มเช่นเดิม ประกอบด้วยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็ง กลุ่มซอสปรุงรส กลุ่มของใช้ประจำวัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง ในขณะที่ล็อตที่2 จะมีรายการสินค้าที่เข้าร่วมมากกว่าล็อตที่หนึ่งหลายเท่าตัวจากล็อตที่หนึ่ง 72 รายการ รวมแล้วมีมากถึง 3,025 รายการโดยลดสูงสุดถึง68% มีผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนล็อตสองรวมกันถึง 51 องค์กรเป็นข้าวสารถุง 18 บริษัท สินค้าอุปโภคบริโภค 20 บริษัทและห้างสรรพสินค้าต่างๆ 13 ห้างทั่วประเทศ ระยะเวลาเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคือ วันที่ 25 เมษายนถึงวันที่ 30 มิถุนายนเป็นอย่างน้อยโดยจะลดราคาในห้างค้าส่งค้าปลีก 13 ห้างและสาขาทั่วประเทศของห้างที่เข้าร่วม ประกอบด้วย 1.ห้างบิ๊กซี 2.ห้างเอก-ชัย 3.สยามแม็คโคร 4.ห้างฟู้ดแลนด์ 5.ซี เจ เอ็กซ์เพรส 6.สหลอว์สัน 7.ซีพี ออลล์ 8.เดอะมอลล์ 9.Maxvalue 10.Tops 11.Gourmet Market 12.Home Fresh Mart และ13.Family Mart
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นประกอบด้วยตราบรีส คอมฟอร์ท ซันไลต์ เซลล็อกซ์ นกแก้ว เบบี้มายด์ คอลเกต โพรเทค แคร์ ซื่อสัตย์ โคโดโมะ เปา เด็กสมบูรณ์ ซีเล็ค ซูเปอร์ ซีเชฟ มาม่า ซีพี โฟร์โมสต์ ดัชมิลล์ ไวตามิ้ลค์ เมจิ เนสท์เล่ คาร์เนชั่น บิโอเร แอทแทค แฟซ่า ไฟน์ไลน์ สมาร์ท ดีนี่ โก๋แก่ และอิมพีเรียล ซึ่งสินค้ารายยี่ห้อทั้งหมดในหมวดข้าวถุงและในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีจำหน่ายในห้าง 13 ห้าง
" กรมการค้าภายในได้ทำการประเมินว่าสำหรับพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนทั้งรอบหนึ่งและรอบสองที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ คาดว่าจะช่วยลดค่าของชีพของประชาชนได้ไม่ต่ำกว่า 1000 ล้านบาทด้วยกัน”