นายณฐชัย ว่องวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแอล อินเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ เพียวริก้าส์ (Puricas), เพียวรี (Peurri), แฮนด์เนชั่น (Hand Nations), ครีมเดอลาเทกส์ (Cream De Latex) และ เมลามิ (Melamii) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากวิกฤติไวรัสโควิด-19 และพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้สถานบริการต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้า รวมถึงคลินิกด้านความงามและผิวพรรณต้องปิดให้บริการชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก
เบื้องต้นพบว่า ยอดขายของบริษัทในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาหายไปกว่า 50% ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์หันรุกตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมโยกแคมเปญการตลาดที่เตรียมจัดผ่านแมส มีเดียเข้ามาไว้ในช่องทางออนไลน์แทน เพื่อสร้างการเข้าถึง และสร้างให้แบรนด์เป็นที่รัก จดจำของผู้บริโภคตลอดเวลา ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าจำนวนมากมีปัญหาและเข้ามาปรึกษาในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ สิว ฝ้า รวมถึงการบำรุงผิวต่างๆ
จู๋
โดยปัญหาใหญ่ที่พบคือ เมื่อใช้หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าจะเกิดปัญหาสิว บริษัทจึงจัดแคมเปญให้กับผลิตภัณฑ์เพียวรี ภายใต้ชื่อ “หมอสิวถึงบ้านคุณ” ขึ้น เพื่อให้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เจลแต้มสิว อีกทางเลือกสำหรับปัญหาการเกิดสิว รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำถึงบ้านด้วย
อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มสกินแคร์อีก 4-5 แบรนด์แต่จากปัญหาวิกฤติโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไป ขณะเดียวกันได้ปรับแผนการทำตลาดโดยทุกแบรนด์ในเครือจะหันมารุกช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น พร้อมกับเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ของเพียวริก้าส์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทในเดือนกรกฎาคมนี้
“ที่ผ่านมาบริษัทต้องปรับรูปแบบการทำตลาดหลายอย่างเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ของวิกฤติโควิด-19 ในขณะนี้ อย่างไรก็ดีคาดว่าในครึ่งปีหลังเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย บริษัทเตรียมใช้งบการตลาด 20-30% ของยอดขายโดยรวม เพื่อทำการตลาดแบบ 360 องศาเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา และคนเริ่มต้นทำงาน”
สำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทตั้งเป้าที่จะมียอดขายเติบโตขึ้น 100% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 150 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตเฉลี่ย 200% ต่อปี ส่วนตลาดส่งออก ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนราว 10% ในปีนี้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เช่นกัน ทำให้ต้องชะลอการทำตลาดในประเทศเมียนมาและกัมพูชาไปก่อน นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับตัวแทนจำหน่ายเพื่อนำสินค้าไปขายในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียด้วย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปีหน้า โดยบริษัทจะกลับมารีวิวแผนการส่งออกอีกครั้งหลังสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,569 วันที่ 26-29 เมษายน 2563