นิวยอร์กยังโคม่า หวั่นผู้ติดเชื้อจริงเหยียบหลักล้าน

24 เม.ย. 2563 | 06:22 น.

นายแพทย์หญิง โอซิริส บาร์บอต กรรมาธิการด้านสาธารณสุขของมหานครนิวยอร์กเปิดเผยวานนี้ (23 เม.ย.) ว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีผลการทดสอบเป็นบวก 138,000 รายในนิวยอร์คนั้นเป็นเพียง “ปลายยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่ขึ้นมาให้เห็น แต่ในความเป็นจริงอาจจะมีจำนวนมากกว่านั้นมากนัก และจะไม่แปลกใจเลยหากมีจำนวนเป็นล้านคน เนื่องจากมีข้อจำกัดมากมายในการตรวจวินิจฉัยในช่วงแรกเริ่มของการแพร่ระบาด

นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ค และนายแพทย์หญิง โอซิริส บาร์บอต แถลงข่าวร่วมกัน

“คงไม่ประหลาดใจแล้วในเวลานี้ ถ้าพบว่าเราอาจมีชาวนิวยอร์กเกือบๆ 1 ล้านคนที่ติดเชื้อโควิด-19” พญ.บาร์บอตกล่าวในการบรรยายสรุปประจำวันร่วมกับนายกเทศมนตรี

 

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มหานครนิวยอร์คมีความสามารถในการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชนในอัตราเฉลี่ย 11,000 คน/วัน นับว่ายังน้อยมากเมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงมีเพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 2,519 คนทำให้ยอดรวมสะสมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในนิวยอร์คพุ่งขึ้นไปเป็น 138,435 คน

  นิวยอร์กยังโคม่า หวั่นผู้ติดเชื้อจริงเหยียบหลักล้าน  

ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระบบ (CSSE) ของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) ชี้ว่า ณ วันที่ 24 เม.ย.2563 มลรัฐนิวยอร์กมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จำนวนทั้งสิ้น 20,973 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในมหานครนิวยอร์คถึง 16,388 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของมหานครนิวยอร์คยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรนิวยอร์คกว่า 8.6 ล้านคนอาจจะกลายเป็นผู้ติดเชื้อในที่สุด

นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ค ยอมรับว่า การกลับมาเปิดดำเนินการธุรกิจต่าง ๆตามปกติอีกครั้งในเวลานี้ อาจจะเร็วเกินไป “เรายังพิชิตโรคนี้ไม่ได้เลย”  อย่างไรก็ตาม แรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งตัวเลขคนตกงานที่พุ่งทะยาน ทำให้หลายมลรัฐฯเริ่มมองหาโอกาสที่จะเปิดระบบเศรษฐกิจอีกครั้งหลังจากที่นำมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคมาใช้เป็นเวลากว่า 5 สัปดาห์แล้ว ที่เปิดนำไปก่อนแล้วคือมลรัฐจอร์เจีย แต่สำหรับมหานครนิวยอร์ค นายบลาซิโอกล่าวว่า  คงยังอีกนาน “การเร่งรีบเปิดเพราะแรงกดดันไม่ว่าจะทางเศรษฐกิจหรือการเมือง จะถือเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่” ส่วนตัวเขาเองมองว่าเรื่องสุขภาพและสวัสดิการของประชาชนคือประเด็นสำคัญเหนืออื่นใด

 

ช่วงกลางสัปดาห์นี้ มีการชุมนุมประท้วงในเขตอัลบานีของนครนิวยอร์ค คัดค้านมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งส่งผลกระทบท่างเศรษฐกิจ แต่นายบลาซิโอเห็นว่า หากรีบยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ตามกระแสกดดัน ก็มีแต่จะเกิดผลเสียตามมา “มันจะทำให้เราต้องถอยหลังไปอีกเป็นเดือนๆ”

นิวยอร์กยังโคม่า หวั่นผู้ติดเชื้อจริงเหยียบหลักล้าน

สำหรับนิวยอร์ค รัฐบาลพยายามเร่งส่งเสริมสมรรถนะในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้แก่ประชาชน โดยสามารถยกระดับการให้บริการจากไม่ถึง 10,000 ราย/วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 11,000 ราย/วันในขณะนี้ แต่นายบลาซิโอต้องการให้เพิ่มความสามารถดังกล่าวเป็นหลักแสนรายต่อวัน เป้าหมายก็เพื่อจะได้สามารถแยกตัวผู้ติดเชื้อออกจากกลุ่มผู้คนทั่วไปได้แต่เนิ่น ๆ และสามารถตามย้อนรอยเส้นทางของผู้ติดเชื้อเพื่อดูว่ามีใครบ้างที่ติดต่อกับพวกเขาและจะได้สามารถนำบุคคลเหล่านั้นมากักกันตัวควบคุมโรค “ผมหวังว่าเราจะสามารถเพิ่มยอดการตรวจเชื้อได้มากขึ้นเรื่อย ๆ” นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์คกล่าว

 

ในช่วงสัปดาห์เดียวกันนี้ ยังมีข่าวผลการทดสอบแอนติบอดี หรือภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 ของผู้คนในรัฐนิวยอร์กที่ระบุว่า ในการตรวจสอบกลุ่มตัวอย่าง 3,000 คนที่เข้าใช้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตใน 19 พื้นที่ของมหานครนิวยอร์ก พบว่า 13.9% ของคนกลุ่มนี้มีผลเป็นบวก ซึ่งหมายความว่าร่างกายพวกเขาเคยได้รับเชื้อโควิด-19 ทำให้สันนิษฐานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจริง ๆ อาจจะมีมากกว่าจำนวนที่ได้รับการยืนยันจากทางการ แต่ทั้งนี้ ผลดังกล่าวถือเป็นข้อมูลขั้นต้น และจำนวนกลุ่มตัวอย่างก็ยังน้อยเกินไป