“สนธิรัตน์” สั่งสอบปมรถเข็น กฟผ. คันละ 1.5 แสน

24 เม.ย. 2563 | 01:35 น.

รมว.พลังงานสั่งตรวจสอบกรณีรถเข็น กฟผ. แพงคันละ 1.5 แสนบาททำให้ค่าไฟฟ้าแพง ตามที่นายศรีสุวรรณร้องเรียน ด้านประธานบอร์ด กฟผ. สั่งตั้งคณะทำงานสอบห้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์

จากกรณีที่นายศรีสุวรรณ  จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกมาระบุว่า การการออกมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ประชาชนเพียง 3 เดือน เป็นเพียงการแก้ผ้าเอาหน้ารอดในเหตุเฉพาะหน้าของกระทรวงพลังงาน และรัฐบาลเท่านั้น  เพราะมีประชาชนจำนวนมากได้ออกมาเปิดเผยและร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาค่าไฟฟ้าแพงมากในรอบบิลที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นปัญหาซ้ำเติมประชาชนในช่วงที่รัฐบาลรณรงค์ขอร้องให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกระทั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ,การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ,สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)และ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ต้องรีบออกมาแก้หน้าด้วยการเสนอมาตรการเพิ่มเติมในการลดค่าครองชีพให้ประชาชนดังกล่าว

“สนธิรัตน์” สั่งสอบปมรถเข็น กฟผ. คันละ 1.5 แสน

              หากแต่ไม่เคยกลับไปทบทวนว่าต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้เกิดราคาค่าไฟฟ้าราคาแพงนั้นอยู่ที่ไหน และอย่างไร ล่าสุดสมาคมฯ ได้ตรวจสอบพบว่า กฟผ. ได้มีการจัดซื้อครุภัณฑ์ต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในสำนักงานและสถานีบริการไฟฟ้าต่างๆ ทั่วประเทศมีความผิดปกติหลายประการ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการจัดซื้อจัดหาโดยองค์กรที่ได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใสมาอย่างต่อเนื่องจาก ป.ป.ช. อาทิ การจัดซื้อรถเข็น (ลักษณะเดียวกับรถเข็นผักทั่วไป) เพื่อใช้ในแผนงานโครงการ Supply and Construction of 500/230 kv(GIS) ซึ่งมีราคาต่อ 1 คัน คือ 152,956.21 บาท ซึ่งหากไปหาซื้อแถวย่านวรจักร หรือย่านรังสิต ก็ไม่น่าจะเกินคันละ 1,000-2,000 บาทเท่านั้น แต่ทว่า กฟผ.กลับซื้อในราคาที่แพงลิบลิ่ว ซึ่งไม่แน่ใจว่ารถเข็นดังกล่าวทำด้วยทองคำหรืออย่างไร

นายศรีสุวรรณ บอกอีกว่า ปัญหาการจัดซื้อครุภัณฑ์ของ กฟผ.ดังกล่าวเป็นเพียงฝุ่นใต้พรมที่ไม่มีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง ปล่อยให้รัฐวิสาหกิจกังกล่าวบริหารจัดการเงินแผ่นดินกันอย่างโจ่งครึ่ม ประหนึ่งเป็นบ่อน้ำมันของรัฐวิสาหกิจที่นำมาหล่อเลี้ยงพนักงานเจ้าหน้าที่ถึง 22,413 คน เพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดดังกล่าวจะถูกนำมาคิดเป็นต้นทุนในการบริหารจัดการไฟฟ้า และผลักภาระทั้งหมดมาให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือนผ่านค่า FT นั่นเอง ซึ่งถึงเวลาแล้วที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)จะต้องตรวจสอบองค์กรการไฟฟ้าดังกล่าวอย่างจริงจังและรวดเร็ว ตั้งแต่ฝ่ายจัดซื้อเรื่อยไปจนถึงผู้ว่าการฯ ว่ามีส่วนรับรู้การจัดซื้อจัดหาพัสดุหรืออุปกรณ์ในราคาแพงกว่าปกติหรือไม่อย่างไร เพราะแต่ละแผนงานโครงการฯ มีการตั้งงบจัดซื้อนับพันล้านบาท อาทิ สัญญาเลขที่ W100321-222M-SPPC-S-02 มีมูลค่าถึง 1,130,698,504.73 บาท เพื่อที่จะได้นำมาลงโทษและกำหนดมาตรการป้องกันที่เข้มงวดต่อไป

“สนธิรัตน์” สั่งสอบปมรถเข็น กฟผ. คันละ 1.5 แสน

              ต่อเรื่องดังกล่าวนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวให้ความเห็นว่า ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว แต่โดยหลักการอะไรที่ไม่ถูกต้อง เดี๋ยวตนจะจัดการ ถ้าร้องเรียนมาจะรับเรื่องและให้นำข้อมูลมาดู แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียด ปกติการดำเนินการต่างๆ แต่ละหน่วยงานมีขั้นตอน วิธีการ กระบวนการ อยู่แล้ว แต่อะไรที่คิดว่าไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส ตนจะตรวจสอบถ้ามีร้องเรียนเข้ามา อะไรที่อยู่ในสังกัดที่ตนดูแลถ้าไม่ถูกต้องหรือมีการร้องเรียนเข้ามา ตนตรวจสอบอยู่แล้ว

นายกุลิศ  สมบัติศิริ  ปลัดกระทรวงพลังงาน  กล่าวว่า  หลังจากได้ทราบเรื่องไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้แต่งตั้ง พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ในฐานะกรรมการ กฟผ. เป็นประธานคณะทำงานพิจารณาทุกข้อร้องเรียน  เช่น วิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งปกติจะมีการกำหนดราคากลาง รวมถึงหลักเกณฑ์การให้โบนัส ซึ่งปกติทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้กำหนดแนวทางให้กับรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว ซึ่งข้อมูลจะชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์

“สนธิรัตน์” สั่งสอบปมรถเข็น กฟผ. คันละ 1.5 แสน

นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิริทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่รวบรวมรายละเอียดหลักฐานการจัดซื้อ ซึ่งเกิดขึ้นปี 2558 เพื่อนำเสนอให้คณะทำงานชุดที่นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานบอร์ด กฟผ.แต่งตั้งตามกรอบเวลาที่กำหนดภายใน 2 สัปดาห์