ผู้คนต่างหวาดกลัวกับโควิด19 เพราะมีความเชื่อกันว่าติดง่าย ตลอดทั้งสาธารณสุขเองก็มองแต่มุมสาธารณสุขแต่อาจหลงลืมสุขภาวะของบุคคลในสังคม
การยับยั้งโรคระบาดด้วยวิธีของสาธารณสุข เป็นการมองแบบมิติเดียวมิได้คำนึงถึงสุขภาพจิต ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาวะของความเป็นมนุษย์เท่าที่ควร
เคยเขียนแล้วครั้งหนึ่งว่า “โรคมากับลมย่อมไปกับน้ำ” ไม่มีทฤษฎีใดที่จะมาล้มทฤษฎีนี้ได้ แต่ก็มีนักวิชาการบางท่านให้ข้อมูลว่า โควิด19สามารถอยู่ในน้ำได้ ตรรกแนวคิดนี้ช่างย้อนแย้งกับพระพุทธเจ้ายิ่งนัก หรือชะรอยว่าท่านจะเป็นพหูสูตเสียยิ่งกว่าพระศาสดาแล้วกระมั่ง
โลกเรานี้ไม่ว่าจะกี่พันปีกี่หมื่นปีก็ตาม ธรรมชาติก็ย่อมเป็นธรรมชาติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปได้บ้างตามเหตุปัจจัย แต่ทว่าในการเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่อาจพ้นความเป็นธรรมชาติไปได้เลย
คำว่าธาตุในวิทยาศาสตร์ (Element) ซึ่งหมายถึงปรมาณูซึ่งมีทั้งอิเล็กตรอนและโปรตอนจำกัด อาทิ ธาตุไฮโดรเจนมีอิเล็กตรอนและโปรตอนอย่างละหนึ่ง แต่ถ้าเราเปลี่ยนอิเล็กตรอนสองโปรตอนสองมันก็จะกลายเป็น ธาตุฮีเลี่ยม (Helium) ไม่ใช่ไฮโดรเจน ดังนั้นคำว่าธาตุในทางวิทยาศาสตร์ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ในทางพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสสอนเช่นกัน ในสมาทปกสูตร ติ อํ พระไตรปิฎกไทยเล่มที่๒๐ จารึกชัดเจนว่า
“ดูก่อนอานนท์ มหาภูตทั้ง๔ (อันประกอบด้วยธาตุใหญ่ทั้ง๔) ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ) เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) วาโยธาตุ(ธาตุลม) พึงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้...”
เจ้าโควิด19 ก็เป็นธาตุเหมือนกัน แต่เป็นธาตุที่เกิดจากการเลี่ยนแปลง ที่พัฒนาตนเองขึ้นจากไวรัสอื่นๆเพราะทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนแต่เกิดจากธาตุทั้งนั้น
ไวรัส เป็นธาตุไฟที่ร่วมก่อกำเนิดกับธาตุดินมีธาตุลมเป็นพาหนะ ดังนั้นธรรมชาติทั้งปวงบนโลกนี้ ธรรมชาติย่อมทำลายธรรมชาติด้วยกัน วันหนึ่งมันก็สลายหายไปเองอย่างน่าฉงน สิ่งที่มีธาตุลมเป็นพาหนะนั้นย่อมสลายไปด้วยธาตุน้ำเช่นนี้แล
ดังนั้นเรื่องไวรัสโควิด19นี้จึงย้ำเสมอว่าให้เชื่อพระพุทธเจ้ากันว่า โรคมากับลมย่อมไปกับน้ำ อย่าตื่นข่าว อย่าตระหนกจนเกินเหตุ เอาให้พอดี สาธารณสุขก็มีความจำเป็นส่วนหนึ่งแต่สุขภาวะของมนุษย์ก็มีความจำเป็นต่อจิตวิญญาณด้วยส่วนหนึ่ง แต่ถ้าคิดว่าเก่งกว่าเป็นพหูสุตรกว่าพระพุทธเจ้าแล้วไม่ต้องพึงเชื่อในเรื่องนี้เลยก็ได้ เพราะอย่างน้อยก็ถือว่าท่านผู้รู้ในวิทยาศาสตร์ปัจจุบันถือธรรมในกาลามสูตรแล้ว