ผลพวงภัยแล้งลุกลามทั่วประเทศส่งผลให้เกษตรกร ขาดรายได้ จากผลผลิต แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กรมทางหลวง ได้ ช่วยเหลือ น้ำอุปโภคบริโภค สนับสนุน โดยเตรียมรถบรรทุกน้ำ 810 คัน ซึ่งมียอดสะสมการให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 19 เมษายน 2563) ใน 60 จังหวัด จำนวน 42,442 ครัวเรือน และ ประชาชนอีก 28,254 ราย คิดเป็นปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 30,565,400 ลิตร เพื่อบรรเทาผลกระทบ แล้วก็ตาม แต่ ปัญหาใหญ่ที่ตามมา คือ ไฟป่า ที่เป็นนโยบายเร่งด่วน ที่รัฐบาลให้ความสำคัญต้องใช้ กำลังคนจำนวนมาก
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ระบุว่า จากปัญหาภัยแล้ง ประชาชน ได้รับผลกระทบในวงกว้าง ล่าสุด กรม มีนโยบายจัดจ้างแรงงานเกษตรกรท้องถิ่นมาดำเนินงานในโครงการของกรมทางหลวงที่มีอยู่ปัจจุบัน เพื่อทดแทนการสูญเสียรายได้จากการเพาะปลูกพืชตลอดฤดูแล้ง ตามโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงวิกฤติภัยแล้ง ประจำปี 2563 ของรัฐบาลนั้น ล่าสุดระหว่างวันที่ 1-15 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา หน่วยงานในสังกัดกรมทางหลวงทั่วประเทศ จัดจ้างแรงงานรวมทั้งสิ้น 595 คน คิดเป็นวงเงิน 2,968,960 บาท และ ยังมีแผนดำเนินการต่อเนื่อง
นอกจากนั้นยังให้การสนับสนุนการดับไฟป่าบริเวณสองข้างทาง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามและสร้างความเสียหายในวงกว้าง ส่งผลต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน บดบังทัศนวิสัย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่อการคมนาคมทั้งทางบกและทางอากาศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูลณ วันที่ 19 เมษายน 2563) จำนวน 1,170 แห่ง ทั่วประเทศ โดยอยู่ในพื้นที่ภาคกลางสูงสุด 20 จังหวัด รวม 535 แห่ง ภาคเหนือ 9 จังหวัด 309 แห่ง ภาคตะวันตก 4 จังหวัด 106 แห่ง ภาคตะวันออก 4 จังหวัด 83 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัด 72 แห่ง และภาคใต้ 6 จังหวัด 65 แห่ง
ทั้งนี้ผลของการปฎิบัติงานสามารถถางป่าได้จำนวน 2,120,160 ตร.ม. งานตัดหญ้า 1,289,680 ตร.ม. งานทำความสะอาด 723,660 ตร.ม. งานทางระบายน้ำ 34,390 ตร.ม. งานปรับแต่งพื้นที่ 12,950 ตร.ม. และงานอื่นๆ เช่น ที่พักผู้โดยสาร ปลูกต้นไม้ รวม 11,020 ตร.ม.
“การจัดจ้างแรงงานเกษตรกรของกรมทางหลวงได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านรายได้ของเกษตรกร ซึ่งหายไปเพราะการปลูกพืชไม่ได้ผลในช่วงหน้าแล้ง ทำให้มีกินมีใช้ไม่ลำบากมากและผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยเศรษฐกิจชุมชนให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้น” นายสราวุธ กล่าว