“พิมพ์รพี” จี้ ครม. เร่งอนุมัติส่วนต่างประกันรายได้ปาล์ม

21 เม.ย. 2563 | 03:40 น.

“พิมพ์รพี” จี้ ครม. เร่งอนุมัติส่วนต่างประกันรายได้ปาล์ม กิโลละ 4 บาท หลังราคาตกเหลือแค่ 2.80 บาทข้องใจ ราคาปาล์มดิ่งแบบไร้เหตุผล เชื่อ มีการลักลอบนำเข้า ภาครัฐสกัดล้มเหลว ไร้ข้อมูลสต๊อกน้ำมันแบบเรียลไทม์ บี้ ตั้งงบ 483 ล้าน ตามมติ กปน. ทำให้เสร็จภายในสองเดือน ช่วยภาครัฐบริหารจัดการ    สต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ ฉุดราคาปาล์มขึ้น

 

“พิมพ์รพี” จี้ ครม. เร่งอนุมัติส่วนต่างประกันรายได้ปาล์ม

 

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ เหลือเพียงกิโลกรัมละ 2 บาทเศษ โดยปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกษตกรชาวสวนปาล์มประสบภาวะขาดทุนตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมา จึงอยากให้รัฐบาลเร่งอนุมัติงบประมาณเพื่อประกันรายได้ให้กับเกษตรกรที่กิโลกรัมละ 4 บาทตามโครงการประกันรายได้ ซึ่งเดิมกำหนดจ่ายชดเชยส่วนต่างไว้ทั้งสิ้น 8 งวด หรือทุก 45 วัน เริ่มจ่ายส่วนต่างรอบแรกวันที่ 1 ต.ค.2562 และงวดที่ 2 วันที่ 15 พ.ย.2562 โดยหลังจากนั้น ไม่ได้มีการจ่ายชดเชยส่วนต่าง เพราะราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้นเกินไปกว่าราคาประกันรายได้ที่กก.ละ 4 บาท แต่ตอนนี้ต่ำกว่าราคาประกันรายได้แล้ว จึงอยากให้มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมครม.โดยเร็วที่สุด เพื่ออนุมัติงบประมาณสำหรับจ่ายส่วนต่างงวดที่สามให้กับเกษตรกรทันที

 

ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดการติดตั้งมิเตอร์เพื่อวัดสต๊อกน้ำมันแบบเรียลไทม์ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีเครื่องมือในการบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม ด้วยการติดตั้งมิเตอร์ 455 เครื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถวัดปริมาณน้ำมันปาล์มในสต็อกได้อย่างแม่นยำ และสามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่า มีการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มมาเพิ่มหรือไม่ โดยควรกลับไปตั้งต้นอนุมัติงบประมาณตามกรอบเดิมที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เสนอไว้ที่จำนวน 483 ล้านบาท

 

“พิมพ์รพี” จี้ ครม. เร่งอนุมัติส่วนต่างประกันรายได้ปาล์ม

ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยให้ภาครัฐมีข้อมูลที่แม่นยำในการกำหนดนโยบาย อีกทั้งยังช่วยสกัดการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มได้อีกด้วย โดยต้องเร่งอนุมัติเพื่อให้มีการติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในสองเดือน เพราะเรื่องนี้ล่าช้ามานานแล้ว จนกลายเป็นช่องโหว่ทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้ราคาปาล์มตกต่ำอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ราคาเคยพุ่งสูงสุดเกือบ 7 บาทในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ราคากลับตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับที่รัฐบาลเคยประเมินราคาว่าน่าจะทรงตัวอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท เพราะมีหลายมาตรการในการดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากระบบ

ทั้งการนำไปใช้ผลิตน้ำมันบี 10 ซึ่งปัจจุบันกำหนดเป็นน้ำมันภาคบังคับ รวมถึงมาตรการหลายมาตรการในการดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากระบบ ทั้งการนำไปใช้ผลิตน้ำมันบี 10 ที่ปัจจุบันเป็นน้ำมันภาคบังคับ และนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ มีอยู่แค่ 2.3 แสนตัน ณ สิ้นเดือนก.พ.2563 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเซฟตี้สต๊อกที่ควรจะมีประมาณ 3 แสนตัน ความผิดปกตินี้อธิบายได้แค่อย่างเดียวคือ มีการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีราคาต่ำกว่าประเทศไทย แม้จะมีการกำหนดด่านน้ำเข้าได้ 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และนำผ่านขาเข้าได้ 1 ด่าน คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และนำผ่านขาออกได้ 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรจันทบุรี ด่านศุลกากรหนองคาย และด่านศุลกากรแม่สอดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น รัฐบาลจึงควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการเร่งติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันที่ถังเก็บน้ำมัน หรือ “มิเตอร์” โดยเร็วที่สุด เพราะเมื่อรัฐบาลมีเครื่องมือพร้อม กำหนดนโยบายถูกจุด ก็จะช่วยฉุดราคาปาล์มให้สูงขึ้นตามไปด้วย “พิมพ์รพี” จี้ ครม. เร่งอนุมัติส่วนต่างประกันรายได้ปาล์ม
/////////