จุรินทร์ ดึงเอกชนถกยุทธศาสตร์ข้าวไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมหารือ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าข้าว ทั้งในและต่างประเทศ โดยได้กล่าวภายหลังการหารือว่าได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตปี 62/ 63 จะมีปริมาณข้าวสารประมาณ 18 ล้านตัน และผู้ส่งออกได้มีการตั้งเป้าหมายว่าจะมีการส่งออกในปี 2563 นี้ประมาณ 7.5 ล้านตัน รวมทั้งได้ประเมินตัวเลขการบริโภคและการแปรรูปภายในประมาณ 8 ล้านตัน

สำหรับการส่งออกได้มีการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสมาคมผู้ส่งออกข้าวโดยได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศประสานงานกับผู้ส่งออกโดยใกล้ชิดให้มีการรายงานตัวเลขการส่งออกทุกวัน รวมทั้งให้มีการจัดทำแผนร่วมกันกับผู้ส่งออกเพื่อที่จะให้การส่งออกข้าวมีการกระจายตัวไปในแต่ละช่วงเวลาไม่ให้ไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่ง

นอกจากนั้นได้มีการกำหนดแผนงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ เกษตรกรฯ โรงสี และผู้ส่งออกข้าวที่ต้องการที่จะให้ประเทศไทยได้ผลิตข้าวในพันธุ์ที่เป็นความต้องการของตลาดโลกเพื่อการส่งออก

ในส่วนของการตลาดนั้นจะร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกในการที่จะเดินหน้ารักษาตลาดข้าวเดิมที่มีอยู่ และการเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการฟื้นตลาดเก่าที่ได้เสียไป เช่น ตลาดอิรัก นอกจากนั้นยังได้มีนโยบายในการส่งเสริมตลาดต่างประเทศในส่วนของสินค้านวัตกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแปรรูปข้าวไปเป็นอาหารขบเคี้ยวอาหารในหลากหลายรูปแบบแม้กระทั่งการนำไปทำเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อที่จะไปช่วยเปิดตลาดในต่างประเทศ 

ด้านนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าสมาคมมีการคาดการณ์ไว้ว่าปี 63 จะมีการส่งออก 7,500,000 ตัน แบ่งออกเป็นไตรมาส โดยไตรมาสแรกควรส่งออกได้ประมาณ 1,800,000 ตัน แต่ตัวเลขที่ออกมาจริงๆ คือ 1,500,000 ตัน เพราะสถานการณ์ของตลาดโลก มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเวียดนามขายข้าวออกมาถูกมากในช่วงไตรมาสแรก แต่ปัญหาเรื่องโควิดทำให้เวียดนามมีการชะลอการส่งออก ส่วนอินเดียมีปัญหาเรื่องการขนส่งเพราะมีการล็อคดาวน์ประเทศ 30 วัน การขนส่งทางน้ำมีปัญหามาก ส่งออกได้ทางคอนเทนเนอร์ไม่มาก ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวเลขในการส่งออกไม่ให้สินค้าในประเทศขาดแคลนด้วย

ส่วนไตรมาส2 มีการส่งออกประมาณ 2,000,000 ตัน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับความต้องการภายในประเทศ และไตรมาสที่3ตั้งตัวเลขไว้ที่ 2,000,000 ตันและไตรมาสที่4อีก 2,000,000 ตันตลอดทั้งปีประมาณ 7,500,000 ตัน ซึ่งอาจจะมีตัวเลขขยับเล็กน้อย