เปิด 3 เรื่อง นายกฯหารือ บิ๊กธุรกิจ-เจ้าสัวไทย

18 เม.ย. 2563 | 02:30 น.

​​​​​​​เปิด 3 เรื่อง นายกฯวางกรอบเตรียมหารือบิ๊กธุรกิจ-เจ้าสัวเมืองไทย “ขอความร่วมมือดูแลคนงาน-ร่วมหาทางเยียวยาคนทั้งประเทศ-ร่วมมือปฏิรูปประเทศ”

กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมออกจดหมายเปิดผนึก และเชิญมหาเศรษฐีเมืองไทย รวมถึงภาคธุรกิจขนาดใหญ่ของไทย ให้มาร่วมเป็น “ทีมไทยแลนด์” เพื่อร่วมมือกันฝ่าวิกฤติโควิด-19 นั้น

เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวันหารือ แต่มีรานงายว่า เรื่องที่นายกรัฐมนตรี จะหารือ เบื้องต้น มี 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย

1.ขอความร่วมมือดูแลคนงาน เพื่อไม่ให้มีการเลิกจ้างเพิ่มขึ้น และหากสถานการณ์ดีขึ้นมีการผ่อนคลายมาตรการแล้ว ขอให้มีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น

2.ร่วมกันหาทางช่วยเหลือเยียวยาคนทั้งประเทศ เช่นช่วยกันลดราคาสินค้าและบริการ 

และ 3.ขอฟังความเห็น ข้อเสนอแนะ และขอความร่วมมือให้ช่วยกันปฏิรูปประเทศไทย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 

มีรายงานว่า  สำหรับบุคคล และภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรี เตรียมเชิญมาร่วมหารือ มี อาทิเช่น

1.นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่งดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเกษตร 

2.กลุ่มสหพัฒน์ ซึ่งดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค 

3.นายศุภลักษณ์ อัมพุช ผู้บริหารเดอะมอลล์

4.นายทศ จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารกลุ่มเซ็นทรัล ดูแลธุรกิจค้าปลีก โรงแรม ท่องเที่ยว 

5.นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ประธานกรรมการบริษัท บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจหลายแขนง อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ 

6.นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อดีตประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด 

7. นายคีรี กาญจนพาสน์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการของ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งดูแลระบบขนส่งมวลชน และอสังหาริมทรัพย์ 

8. นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ช.การช่าง ดูแลระบบขนส่งมวลชน และธุรกิจน้ำประปา 

9.กลุ่มค่ายมือถือ เพราะเกี่ยวกับข้องกับการใช้โทรศัพท์มือถือของประชาชนทุกคน 

10.กลุ่มรถยนต์ ทั้ง โตโยตา อีซูซุ  ฯลฯ

11.สมาคมธนาคารไทย

12.กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ทั้ง คาราบาวแดง โอสถสภา 

13. นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท พีเอ็มส์ กรุ๊ปส์ เจ้าของบริษัทไทยน็อคซ์ สเตนเลส และไทย คอปเปอร์ เจ้าของสนามกอล์ฟเลควูด เจ้าของผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ 

14.นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

15. ผู้บริหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ และเกี่ยวข้องกับด้านการเกษตร ปศุสัตว์

16. นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานไฟฟ้า

17.กลุ่มปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่

18. นายสันติ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร บุญรอดบริวเวอรี่

19. ไมเนอร์ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ในด้านธุรกิจโรงแรม สนามกอล์ฟ อาหาร 

20. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการ บริษัท ซินเน็ค จำกัด

21.นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย

22.นายชาติศิริ โสภณพนิช ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ23.นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ฯลฯ
    

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ตอนหนึ่งระบุถึงการแก้ไขปัญหาการระบาดของโควิด-19 ว่า ปัญหาความเสียหายที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 จะแก้ไขได้ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคส่วนต่างๆ คนกลุ่มอื่น และภาคส่วนอื่นๆ อาจจะมีคำตอบที่ดีและมีความคิดที่ดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน 

วิกฤติโควิดครั้งนี้ใหญ่และซับซ้อนมาก หน้าที่ของเราจึงต้องต่อสู้ไปด้วยกันแบบเป็นหนึ่งเดียวทั้งประเทศ เราต้องการคนเก่งที่มีอยู่มากมายในประเทศของเราให้มาร่วมมือกัน  

“นี่คือทีมประเทศไทย ไม่ว่าจะมาจากภาครัฐ จากมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยต่างๆ มาจากภาคเอกชน กลุ่มมหาเศรษฐี  หรือพี่น้องประชาชนที่ยอมเสียสละตัวเองเข้ามาร่วมกันต่อสู้ เหมือนกับที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ร่วมกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และอาสาสมัครมากมายได้เสียสละตัวเองอย่างกล้าหาญ เผชิญความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ทุกวัน เพื่อช่วยรักษาชีวิตของผู้อื่น" 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผมทราบว่าหลายภาคส่วนในทีมประเทศไทย ได้เริ่มลงมือทำอะไรที่สำคัญและมีประโยชน์ ไปแล้วหลายอย่าง แต่วันนี้ ผมต้องการเพิ่มความร่วมมืมกับท่านทั้งหลายให้มากขึ้น โดยเริ่มที่ภาคเอกชนก่อน  สิ่งที่ผมจะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า 

ประการแรก คือผมจะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 คน ขอให้เขาเหล่านั้นได้บอกผมว่าในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสของสังคม เขาจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และเขาจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้มากขึ้น ได้อย่างไรบ้าง 

มหาเศรษฐีของประเทศไทยทั้งหลายล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ผมขอให้ท่านได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศ และร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันกับเรา 

ผมเข้าใจและซาบซึ้งที่หลายคนได้ลงมือทำไปแล้วหลายเรื่อง แต่ผมต้องการให้ทุกคนทำเพิ่มเติมมากกว่าที่ได้ทำไป ผมรู้ว่าทุกคนต่างก็เต็มใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประเทศต้องการความช่วยเหลืออย่างมากที่สุด เพราะความเดือดร้อนของคนไทยคือความเจ็บปวดของท่านด้วย 

ผมขอให้ทุกคนได้แบ่งปันความสามารถ และความฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมุมมองอันมีวิสัยทัศน์ของพวกท่าน พร้อมกับใช้องค์กรที่มีศักยภาพสูงของท่านมาช่วยกันจัดการกับวิกฤติที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกเหนือจากกลุ่มมหาเศรษฐีของประเทศไทย ผมยังอยากจะรับฟังและใช้ความรู้ความสามารถของภาคเอกชนทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้น จะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจไม่ว่าจะขนาดกลางหรือขนาดเล็ก เพื่อรับฟังพวกท่านด้วยตัวของตัวเอง เพื่อให้ผมจะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง 

ผมต้องการเข้าถึงความรู้ ขีดความสามารถ และความเชี่ยวชาญอันหลากหลายของภาคเอกชน  และที่สำคัญ ผมต้องการได้ยินความคิดเห็นของพวกเขาว่ามีจุดไหนบ้างที่รัฐบาลควรจะทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม 

แน่นอนว่าเป็นหน้าที่ และความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือคนไทยทั้งประเทศ แต่เราสามารถขยายแรงกำลังในการช่วยเหลือ ให้ใหญ่ขึ้นได้ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีทรัพยากรมาก มีวิธีการทำงานและวิธีการเข้าถึงผู้เดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลจะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมีความคิดเห็นที่หลากหลาย แม้กระทั่งในกลุ่ม ผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้วยกันเอง ก็ยังมีมุมมองการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ผมอยากจะรับฟังทุกท่าน เพื่อช่วยกันหาทางออก ที่เหมาะสมที่สุด  และเมื่อเราเลือกที่จะปฏิบัติทางใดทางหนึ่งแล้ว ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน สนับสนุนเพื่อช่วยกันผลักดัน ให้เกิดความสำเร็จตามที่เราต้องการ  

ผมขอให้พวกเราทุกคนทำงานร่วมกัน เป็นครอบครัวเดียวกันขอให้พวกเราใช้วิกฤติครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะช่วยสร้างประเทศไทยของเราให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง มีความเป็นปึกแผ่น และมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ของพี่น้องคนไทย
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ประเทศของเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ขอให้พวกเราทุกคน ได้ร่วมกันแสดงพลังของความเป็นไทยออกมาอีกครั้ง ให้โลกได้เห็นว่าพวกเราคนไทย ได้ร่วมมือช่วยเหลือกัน และต่อสู้ไปด้วยกัน โดยไม่มีสีเสื้อ และไม่มีฝัก มีฝ่ายทางการเมือง 

ในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก และความเสียหายมากมาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราจะเห็นว่านี่คือช่วงเวลาที่เราได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กลับคืนมาด้วย นั่นคือ เราได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของคนไทยอีกครั้ง และเราได้ค้นพบความกลมเกลียว เป็นครอบครัวเดียวกันของพวกเราคนไทยทั้งประเทศ

ผมมีความหวังแบบนั้นและเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็มีความหวังแบบนั้นเช่นกัน ขอให้ทุกคนมาร่วมมือกันทำให้ความหวังของพวกเราเป็นความจริง เราจะต้องชนะไปด้วยกัน