อดีตผจก.”สสส. โพสต์ต้องทน”โควิด” ไปอีกปีครึ่ง

15 เม.ย. 2563 | 07:14 น.

อดีตผู้จัดการ สสส. โพสต์ถึงไวรัสโควิด-19 เราต้องอยู่ร่วมกับมันอย่างน้อย 18 เดือน แนะให้ปรับตัวเตรียมใจ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ อดีตผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ( สสส. )ได้เขียนบทความวิเคราะห์ “COVID-19 จะจบเมื่อไหร่ ว่า นับจากที่ประเทศไทยพบผู้ป่วยCOVID รายแรกเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2563 หลายคนอึดอัดและอยากรู้ว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยถึงจะพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคนี้สักที

ในแต่ละวันก็นั่งลุ้นการประกาศจำนวนตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ หลายวันนี้ตัวเลขดูลดลงเรื่อยๆ หรือว่าในไม่ช้านี้ โรคร้ายนี้จะหายไปจากประเทศไทย และพวกเราทุกคนจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขกันซะที

อยากแชร์ให้ทุกคนฟังว่า โรคร้ายนี้จะจบได้มีเพียง 3 วิธีคือ

1.คนในประเทศไทยต้องมีภูมิต้านทาน จำนวน 60 % ของประชากรทั้งหมดหมายความว่าต้องมีคนไทยมีภูมิต้านทานอย่างน้อย 40 ล้านคน โรคนี้ถึงจะไม่แพร่ระบาดอีก และการที่จะมีภูมิต้านทานมีสองวิธี คือติดเชื้อแล้วหาย และฉีดวัคซีน (ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน) ปัจจุบันมีผู้ติดแล้ว 2,518 คน

สมมุติว่ายังมีผู้ติดเชื้อที่เราไม่รู้อีก 6 เท่า (เนื่องจากมีอาการน้อยๆ และไม่ได้ทำการตรวจ) จำนวน 15,108 คน จำนวนตัวเลข 15,108 คนนี้ยังนับว่าห่างไกลจากจำนวน 40 ล้านเป็นอย่างมาก และไม่มีประเทศใดในโลกที่จะยอมปล่อยให้คนติดเชื้อกันเยอะๆ จนถึงร้อยละ 60 เพราะจะมีคนป่วยจำนวนมากจนล้นโรงพยาบาล และนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

2. มีการคิดค้นวัคซีนได้ แล้วทำการฉีดให้คนไทยทุกคนวิธีการนี้นับว่าดีและปลอดภัยที่สุด แต่ติดที่กระบวนการผลิตวัคซีนไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องทำวัคซีนออกมา ทำการทดลองในสัตว์จนมั่นใจ แล้วจึงทดลองในคน ซึ่งหากไม่ได้ผล ก็ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่

ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าวัคซีนตัวแรกอาจจะเสร็จใน 1 ปี และประเทศที่ผลิตได้ก็ต้องใช้กับประเทศเขาก่อน ดังนั้นกว่าจะมาถึงเมืองไทย คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18 เดือน

3. ค้นพบยารักษา ซึ่งขณะนี้มีนักวิทยาศาตร์จากทั่วโลก กำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีบางตัวที่รักษาได้ แต่ก็ยังไม่ง่ายเพียงพอ ที่จะใช้ในทุกคนที่ติดโรคนี้ ดังนั้นความหวังที่พบยารักษา COVID ที่ใช้รักษาได้ง่ายๆ เหมือนโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่เรากินยาไม่กี่เม็ดก็จะหายได้ ดังนั้นความหวังที่จะมียารักษา คงไม่เร็ว และไม่ใครกล้าคาดการณ์ ว่าเป็นเมื่อไหร่

หากพิจารณาจากข้อมูลนี้ เราคงต้องอยู่กับ COVID ไปอีกอย่างน้อย 18 เดือน ถ้าเราไม่เครียด เข้าใจ รู้จักปรับตัวและยอมรับว่าจะอยู่ร่วมกับโรคร้ายนี้ไปอีก 18 เดือน เราก็จะไม่มีความทุกข์ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

แต่ถ้าเราคาดหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เช่น จะร่วมกันพิชิตโรคร้ายนี้ให้จบใน 3 เดือน แล้วกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข เราก็จะมีความทุกข์ เครียด และไม่ได้วางแผนชีวิตอย่างถูกต้อง

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเป็นเจ้าของร้านอาหาร และคิดว่า covid จะจบใน 3 เดือน เราก็จะหยุดทุกอย่างไว้ ใช้เงินสะสมที่มี เพื่อรอเวลาให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยกลับขายใหม่ แต่ถ้าครบ 3 เดือนแล้วโรคนี้ไม่หมดไป เราจะทำอย่างไร เงินสำรองที่มีก็หมดแล้ว ค่าเช่าร้านก็ต้องจ่ายทุกเดือน แบบนี้กิจการคงไม่รอด

แต่ถ้าเรายอมรับความจริง ยอมรับว่าโรคนี้อาจอยู่กับเรายาวไปอีก 18 เดือน และเริ่มปรับตัวทันที เราก็จะพยายามหาช่องทางขายใหม่ๆ ทั้งการขายผ่านออนไลน์ การส่งปิ่นโต การคิดเมนูใหม่เพื่อไม่ให้คนเบื่อ หรือการเจาะตลาดในหมู่บ้าน เป็นต้น

ราคงต้องยอมรับว่าเราคงไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมในอีก 18 เดือนต่อไป เช่น เราต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกวันที่ออกจากบ้าน เราต้องล้างมือบ่อยๆ เราต้องรักษาระยะห่างจากเพื่อนๆ อย่างน้อย 2 เมตร

เราจะไม่สามารถนั่งกินข้าวกับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ๆ หัวเราะและคุยกันเสียงดังแบบเดิมได้ เราจะไม่สามารถชวนแฟนไปดูหนัง ไปเที่ยวผับหรือบาร์ได้

เราจะไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ได้ง่ายๆ แบบเดิม เพราะไปประเทศไหนก็ต้องถูกกักตัว 14 วัน

เราจะไม่สามารถจัดงานสังสรรค์ใหญ่ๆ เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยง งานประชุมสัมนา งานนิทรรศการ ฯลฯ และโลกจะไม่เหมือนเดิม อย่างที่เราคุ้นชิน อีกต่อไป

หวังว่าข้อมูลชุดนี้จะเป็นประโยชน์ กับทุกท่าน ในการปรับตัวรับมือ COVID-19