KGI คาดกำไรหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์Q1หด19%

15 เม.ย. 2563 | 06:35 น.

บล.เคจีไอ คาดกำไรหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ Q1/63 หด 19%  พิษโควิดทำซัพพลายเซนสะดุด-วัฏจักรขาขี้นช้าลง   แนะเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีรายได้สัมพันธ์กับสมาร์ทโฟน5G เลือก HANA เป็นหุ้นเด่น 

 
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ  (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักใน Q1/63ของหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ดูแลอยู่คือ  DELTA,HANA, KCE และ SVI อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (-19% YoY,+24% QoQ) จากยอดขายรวมที่ 753 ล้านเหรียญ ( -5% YoY, -0.9% QoQ) เพราะถูกกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ Cvid-19 ซึ่งทำให้ supply chain ในจีนสะดุค และอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปออนแอ 

ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยใน Q1/63 อยู่ที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จาก31.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐใน Q1/62 และ 30.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐใน Q4/62 ดังนั้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะอยู่ที่ 16.5% (-0.5%YoY,+0.6% QoQ)
การแพร่ระบาดของ Covid-19 อาจจะทำให้วัฏจักรขาขึ้นในปี 2563 ช้าลง

คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 จะยังคงทำให้ supply chain สะดุด และทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางด้านอุปสงค์ ซึ่งจะกดดันแนวโน้มในระยะสั้น และจะฉุดให้วัฏจักรขาขึ้นในปีนี้ช้าลง โดยแนวโน้มหลักยังคงอยู่ในช่วงปี 2563-65 เรามองว่าปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนให้อุตสาหกรรมอยู่ในขาขึ้นได้แก่ 1.PMI ของจีนพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 52.0 ในเดือนมีนาคม จาก 35.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง  2.กระแสความนิยม smartphone ระบบ 5G ยังคงดำเนินต่อไป โดยคาคว่า 5G penetration rate จะอยู่ที่ 33% ในปี 2564 3.ยอดส่งออก server โลกเติบโตอย่างเเข็งแกร่งที่ 5% YoY เนื่องจากhyper sca le data centers ตั้งงบ CAPEX อาไว้ก้อนใหญ่ และ4.กระแส de-Americanization จะทำให้ supply chain ของจีนลดการพึ่งพาสหรัฐ

ทั้งนี้ ในบทวิเคราะห์เศรษฐกิจของ KGI Taiwan 2020 global investment outlook: Stay cautious in 1H20, look to risk assetsin 2H20 แนะนำให้นักลงทุนเปลี่ยนมาถือหุ้น cyclical stocks โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเทคโนโลยี่ที่จะถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโล 5G ซึ่งรวมถึงหุ้น semiconductor ด้วยใน 2H/63

แนะนำให้ใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นเป็นรายตัว

KGI ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ของบริษัทกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เราดูแลอยู่ลงมาแล้ว 34% YTD และปรับลดประมาณการปี 2564 ลงมาแล้ว 18% เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดุของ Covid-19 ดังนั้นคาดว่ากำไรของกลุ่มจะหดตัว16%YoY ในปี 2563 ก่อนที่จะกลับมาโต 34% ในปี 2564 ตามการฟื้นตัวของยอดขาย (สมมติฐานอัคราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 12%) และอัดรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ~1.0% จากการอ่อนค่าของเงินบาท และการประหยัดต่อขนาด ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร่วงลงมาแล้วถึงเกือบ 50% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็น overaction จากสถานการณ์โรคระบาด และการชะลอตัวของเศรษฐกิงโลก เราคิดว่าความเสี่ยงจะมาจากการที่โรคระบาดกินเวลานานกว่าที่ดาดไว้ ซึ่งจะทำให้การขยับไปใช้เทดโนโลยี่ใหม่ด้องใช้เวลานานขึ้น 

แนะนำให้ใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นเป็นรายตัว โดยคาดว่าหุ้นที่มีส่วนสัมพันธ์อย่างมากกับ 5G smartphone โดยเฉพาะหุ้นที่มีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจีนจะเป็นตัวเลือกที่ดีท่ามกลางกระแส de-Americanizatin และการที่กิจการในจีนกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง

Valuation & Action

ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เท่ากับตลาดจากการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ โดยมองว่าความเสี่ยงในระยะสั้นจะมาจากการที่ supply chain สะดุด และความไม่แน่นอนทางด้านอุปสงค์ ซึ่งจะฉุดให้วัฏจักรขาขึ้นในปี 2563 ช้าลง  แนะนำให้ใช้กลยุทร์เลือกหุ้นเป็นรายตัว ทั้งนี้เลือก HANA เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เพราะ ~32% ของรายได้รวมมีส่วนเกี่ยวข้องกับ smartphone ซึ่งคาดว่าจะได้อานิสงส์จากการเร่งใช้ระบบ 5G 

นอกจากนี้ งบดุลที่แข็งแกร่งโดยมีสถานะงินสดต่อหุ้นที่ 6.80 บาท และยังจ่ายเงินปันผลอย่างสม่าเสมอ (ราคาปิดล่าสุดคิดป็นอัตราผลตอบแทนจากงินปันผลที่ 49%จะเป็นปัจจัยที่ ช่วยค้ำราคาหุ้น แนะนำให้ซื้อ HANA และให้ราคาเป้าหมายที่ 36.00 บาท อิงจาก PER ที่18.0x